FED หั่นคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐเหลือ 0-0.3% ปีนี้ จุดกระแสคาดลดดอกเบี้ย

ข่าวต่างประเทศ Thursday November 20, 2008 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ต.ค. โดยระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลงอีกไปจนถึงช่วงกลางปีพ.ศ.2552 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดพร้อมที่จะลดดอกเบี้ยลงอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้น

"คณะกรรมการเฟดบางท่านแนะนำให้มีการใช้นโยบายผ่อนปรนด้านการเงินเพิ่มขึ้นในการประชุมครั้งต่อๆไป ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดยังมีความเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะใช้มาตรการที่จำเป็นทุกด้าน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น" รายงานการประชุมเฟดระบุ

รายงานการประชุมครั้งล่าสุดระบุว่า คณะกรรมการเฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐลงสู่ระดับ 0 -0.3% ในปีพ.ศ.2551 จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะขยายตัว 1-1.6% และได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีพ.ศ.2552 ลงสู่ระดับ 0.2-1.1% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2-2.8%

ขณะเดียวกัน เฟดคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 2.5% ในปีพ.ศ.2551 จากเดิมที่คาดไว้ที่ 2.2-2.4%

รายงานการประชุมของเฟดครั้งนี้ได้เปิดเผยเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI เดือนต.ค.ร่วงลง 1%ต่อเดือน ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการคำนวณดัชนีซีพีไอในปีพ.ศ.2490 และหากเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนีซีพีไอเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 3.7%ต่อปี เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ปีพ.ศ.2550 และเป็นสถิติรายปีที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 1 ปี

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ลดลง 0.1% ต่อเดือน และเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนีซีพีไอพื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.2%ต่อปี เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ปีพ.ศ.2550

"ปัจจัยที่ทำให้เฟดปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อนั้น มาจากสถานการณ์ที่ย่ำแย่ในทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจ นับตั้งแต่วิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อไปจนถึงภาครัวเรือนและภาคเอกชน รวมทั้งสถาบันการเงินรายใหญ่หลายแห่งที่ล้มละลาย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้คณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จนถึงช่วงครึ่งแรกของปีหน้า อีกทั้งมีความเห็นตรงกันว่าโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญความเสี่ยงช่วงขาลงนั้น มีมากขึ้นเรื่อยๆ" รายงานการประชุมเฟดระบุ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การที่เฟดปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในรายงานการประชุมครั้งล่าสุด เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง 427.47 จุด หรือ 5.07% ปิดที่ 7,997.28 จุด และส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลง และถ่วงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนตัวลงด้วย

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 หดตัวลง 0.3% ซึ่งเป็นการติดลบรุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและภาคธุรกิจลดการลงทุน ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นใหม่ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ระยะถดถอยแล้ว

การแสดงความคิดเห็นครั้งล่าสุดของเฟดทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ลงสู่ระดับ 0.75% ภายในเดือนธ.ค.ปีนี้ และจะลดดอกเบี้ยลงอีกจนถึงระดับ 0.50% ในไตรมาสแรกของปีหน้า



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ