นักวิเคราะห์จาก State Street Global Advisors คาดการณ์ว่า เงินดอลลาร์ออสเตรเลียมีแนวโน้มอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่งที่ระดับ 60.1 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากผลกระทบของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย
โดยเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง 32% นับตั้งแต่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 25 ปีที่ระดับ 98.49 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลียในเดือนก.ค. ขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมจีนขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 10 ปีที่ระดับ 5.4% ในเดือนพ.ย.จากผลกระทบของการส่งออกที่ซบเซา
คริส ลุง นักวิเคราะห์จาก State Street Global Advisors ในซิดนีย์กล่าวว่า "เป็นที่คาดกันว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะซบเซาและมืดมน ขณะที่เศรษฐกิจในเอเชียก็มีความไม่แน่นอนอีกมาก ซึ่งนั่นอาจทำให้เงินดอลลาร์ออสเตรเลียมีความเสี่ยงมากขึ้นตามไปด้วย"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินดอลลาร์ออสเตรเลียซึ่งเทรดกันที่ระดับ 66.57 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ณ เวลา 11.14 น. ในซิดนีย์อาจอ่อนค่าลงอีก หากภาคการส่งออกของประเทศชะลอตัวลงอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรและทรัพยากรของออสเตรเลีย คาดการณ์ว่า ยอดส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ในต่างประเทศในรอบปีที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.2552 จะอยู่ที่ประมาณ 1.92 แสนล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.27 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งลดลงจากระดับคาดการณ์ที่ 2.14 แสนล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อเดือนก.ย. พร้อมทั้งชี้ว่า อุปสงค์แร่และสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีอยู่ต่อเนื่องของจีนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัวขึ้นได้
ด้านธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 7.5% ในปีหน้า ขณะที่กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกจะชะลอตัวหนักสุดในรอบ 8 ปี ขณะที่นายเกล็น สตีเว่นส์เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงมากและเร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้