นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.ของสหรัฐจะทรุดตัวลงแตะระดับ 32.5 จุด จากเดือนธ.ค.ปี 2551 ที่ระดับ 32.9 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี หลังจากยอดขายทรุดตัวลง และเป็นเหตุให้ยอดสินค้าคงคลังของโรงงานอุตสาหกรรมสหรัฐมีปริมาณเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.ในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) และคาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะปรับตัวลดลงด้วย
ภาวะดีมานด์ที่ทรุดตัวลงและสถานบันการเงินเข้มงวดด้านการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้บริษัทจำนวนมาก รวมถึง แคทเทอร์พิลลาร์ และเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) เลิกจ้างพนักงานและกำลังการผลิตเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของปริมาณสินค้าคงคลัง ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยรวดเร็วที่สุดในรอบ 26 ปี กำลังผลักดันให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเร่งผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ไบรอัน เบธูน หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท ไอเอชเอส โกลบอล อินไซท์ กล่าวว่า "เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ ดีมานด์สินค้าทั้งในและต่างประเทศทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วในไตรมาส 4 เราคาดว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนธ.ค.ของสหรัฐจะร่วงลง 0.9% และคาดว่ารายได้ส่วนบุคคลจะปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน เนื่องจากตัวเลขจ้างงานทรุดตัวลง"
นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า อัตราว่างงานเดือนม.ค.ในสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี และคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนดังกล่าวจะร่วงลง 530,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นสถิติที่ร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 13 เดือน เนื่องจากยอดขายที่ตกต่ำลงส่งผลให้บริษัทเอกชนแห่ลดการจ้างงาน
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.ในคืนวันศุกร์ที่ 6 ก.พ.(ตามเวลาประเทศไทย)