นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 315 ปีที่ 1% ในการประชุมวันนี้ ขณะที่รัฐบาลจะหันไปซื้อหลักทรัพย์เพื่อช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง
"จากสถานการณ์ของอัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ธนาคารต้องเผชิญแรงกดดันในการปรับลดดอกเบี้ยลง" เดวิด ทินสเลย์ นักวิเคราะห์จากเนชั่นเนล ออสเตรเลีย แบงก์ และอดีตเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางอังกฤษกล่าว "เราพยายามที่จะเบนเข็มไปใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนมากขึ้น"ด้านคณะทำงานของนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ของอังกฤษได้ให้อำนาจธนาคารพาณิชย์ใช้เงินกว่า 5 หมื่นล้านปอนด์ (7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ในยามที่ภาคธุรกิจเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้าย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจบริการที่ประสบภาวะซบเซาในเดือนม.ค. ส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงและอัตราเงินเฟ้อตกลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์
โดยเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา นายเมอร์วิน คิง ผู้ว้าการธนาคารกลางอังกฤษกล่าวผ่านทางบลูมเบิร์กว่า ธนาคารกลางจะเริ่มเข้าซื้อหลักทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์อังกฤษที่ประสบปัญหาภายใน 2-3 สัปดาห์ เพื่อคลี่คลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ซึ่งเขาและนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังหามาตรการอื่นๆเพื่อช่วยกระตุ้นตลาดสินเชื่อและธนาคารที่เผชิญมรสุมวิกฤตการเงิน
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษได้ปรับลดดอกเบี้ยลงไปแล้ว 3.5% จากระดับ 5% ในเดือนต.ค. ส่วนเฟดได้ปรับลดดอกเบี้ยเหลือ 0-0.25% ขณะที่ธนาคารยุโรปมีแนวโน้มว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2% ในการประชุมวันนี้