นักวิเคราะห์คาดยอดขาดดุลการค้าสหรัฐเดือนธ.ค.หดลงมากสุดในรอบ 6 ปี หลังราคาน้ำมันดิ่ง

ข่าวต่างประเทศ Wednesday February 11, 2009 14:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลการค้าประจำเดือนธ.ค.2551 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้นั้น จะลดลงสู่ระดับ 3.57 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำในรอบกว่า 6 ปี จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 4.04 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ราคาน้ำมันร่วงลงและทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย ซึ่งทำให้ยอดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐลดลงไปด้วย

จอห์น แฮร์มัน ประธานบริษัท แฮร์มัน ฟอร์คาสติ้ง แอลแอลซี กล่าวว่า ตัวเลขว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น ภาวะที่ภาคเอกชนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยาก และเศรษฐกิจโลกถดถอย สะท้อนให้เห็นว่าตัวเลขการนำเข้าและส่งออกสินค้าจะปรับตัวลดลงอีก ซึ่งทำให้บริษัทสหรัฐบางแห่งพยายามล็อบบี้ให้มีการบังคับใช้นโยบาย "Buy American" ขณะที่ประเทศอื่นๆ อาทิ ฝรั่งเศสและรัสเซีย พยายามใช้มาตรการปกป้องแรงงานและการผลิตในประเทศตนเองด้วย

"ยุคเศรษฐกิจสหรัฐได้ประโยชน์จากการค้าเฟื่องฟูได้หมดลงแล้ว แต่การค้าก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกุมอนาคตของประเทศชาติเอาไว้ เราคาดว่ายิ่งภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงมากขึ้นเท่าใด ประเทศต่างก็จะหันไปใช้นโยบายปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศตนเองมากขึ้น ทั้งในสหรัฐและประเทศทั่วโลก" แฮร์มันกล่าว

ทั้งนี้ คาดว่าต้นทุนการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงอีก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX เดือนธ.ค.โดยเฉลี่ยเคลื่อนไหวอยู่ที่ 42.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลงจากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 57.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมัน NYMEX เดือนมี.ค.ร่วงลง 2.01 ดอลลาร์ หรือ 5.08% ปิดที่ 37.55 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกของปีนี้จะหดตัวลง 3.8%ต่อปี จากไตรมาส 4 ปี 2551 ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 27 ปี เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 70% ของมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมนั้น ทรุดตัวลงอย่างมาก สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ