ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน เนื่องจาผู้บริโภคเริ่มคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง ขณะที่รัฐบาลเริ่มจ่ายเงินสดให้กับผู้เสียภาษีรวม 1.22 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 950 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อคนตามแผนการของนายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจที่หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีเมื่อช่วงไตรมาสสี่ของปีที่แล้ว
ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ที่จัดทำโดยเวสท์แพค แบงกิ้ง คอร์ปและสถาบันเมลเบิร์นซึ่งได้จากการสอบถามผู้บริโภค 1,200 รายในระหว่างวันที่ 30 มี.ค.-5 เม.ย.นั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.3% แตะที่ 92.7 จุดจากระดับในเดือนมี.ค.ที่ลดลง 0.2% โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 จุดนานต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีมุมมองในแง่ลบมากกว่าในแง่บวก
รายงานที่เปิดเผยออกมาในวันนี้ตอกย้ำมุมมองของธนาคารกลางได้ปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 49 ปีที่ 3% เมื่อวานนี้ ขณะที่รัฐบาลได้ทุ่มเงินลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคที่มีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจกว่าครึ่งหนึ่ง
บิล อีวานส์ นักวิเคราะห์จากเวสท์แพค แบงกิ้ง คอร์ป กล่าวว่า "ผลสำรวจความเชื่อมั่นที่เปิดเผยในวันนี้ออกมาดีเกินคาด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มส่งผลดีต่อผู้บริโภค "
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 10:34 น.ตามเวลาซิดนีย์ เงินดอลลาร์ออสเตรเลียเทรดที่ระดับ 70.95 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 70.94 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย