เวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค ผู้ปล่อยกู้จำนองบ้านรายใหญ่อันดับสองของสหรัฐรายงานผลกำไรไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มธนาคารในตลาดวอลล์สตรีทปิดบวกกันถ้วนหน้า เนื่องจากนักลงทุนมองว่า วิกฤติเลวร้ายในภาคธุรกิจธนาคารสิ้นสุดลงแล้ว
เวลส์ ฟาร์โก เปิดเผยรายงานผลประกอบการเบื้องต้นที่ระบุว่า รายได้สุทธิไตรมาสแรกของปีนี้พุ่งขึ้น 50% แตะที่ราว 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 2 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้านี้ ขณะที่ผลกำไรของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 55 เซนต์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า
การรายงานผลประกอบการข้างต้นเป็นเครื่องยืนยันถึงการฟื้นตัวของภาคธุรกิจธนาคาร หลังจากที่ซิตี้กรุ๊ป อิงค์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และแบงก์ ออฟ อเมริกา ต่างรายงานผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นในเดือนม.ค.และก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากบรรดาผู้ปล่อยกู้ได้อานิสงส์จากการอัตราการทำธุรกรรมสินเชื่อจำนองบ้านที่เพิ่มมากขึ้น หลังอัตราดอกเบี้ยลดลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 5%
โดยในวันนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามากล่าวว่า อัตราการรีไฟแนนซ์ของสหรัฐพุ่งขึ้น 88% ในเดือนมี.ค. ขณะที่เวลล์ ฟาร์โก มียอดการปล่อยกู้จำนองเฉียดระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก
คริส อาร์มบรัสเตอร์ นักวิเคราะห์จาก Al Frank Asset Management กล่าวว่า "ชาวสหรัฐเริ่มขอเงินกู้มากขึ้น และพวกเขาสามารถจัดสรรเงินทุนต่างๆได้เป็นอย่างดี เพราะอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำช่วยแบ่งเบาภาระการผ่อนชำระเงินกู้ของลูกหนี้ได้อีกทางหนึ่ง"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การรายงานผลประกอบการของเวลส์ ฟาร์โกที่แข็งแกร่งช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ณ เวลา 04:15 น. หุ้นเวลส์ ฟาร์โกถีบตัวขึ้นสูงสุด 32% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาทะยานขึ้น 35% และหุ้นเจพีมอร์แกนเดินหน้า 19% ส่วนหุ้นซิตี้กรุ๊ปเพิ่มขึ้น 13%