รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-เม.ย.52) มียอดรวม 294 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 412 ราย ขณะที่เงินลงทุน 137,100 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินลงทุน 151,800 ล้านบาท
ด้านเงินทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 31,700 ล้านบาท ลดลงจาก 35,700 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้การจ้างงานลดลงมาก โดยในช่วงม.ค.-เม.ย.52 เหลือเพียง 19,271 คน จาก 79,788 คน ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับประเทศที่ยื่นขอรับโครงการลงทุนสูงสุด คือ ญี่ปุ่น 72 ราย รองลงมาเป็น ยุโรป, สิงคโปร์, อเมริกา, ไต้หวัน และฮ่องกง
ประเภทธุรกิจที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด คือ ธุรกิจบริการและสาธารณูปโภค 96 โครงการ รองลงมา คือ การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง และด้านเกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร แต่หากพิจารณาจากมูลค่าเงินลงทุนแล้ว จะพบว่า ธุรกิจบริการและสาธารณูปโภค มีเงินลงทุนสูงสุด 110,800 ล้านบาท รองลงมา คือ ด้านเกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร และการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง
ส่วนยอดอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ มีทั้งสิ้น 284 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 373 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 68,300 ล้านบาท มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 9,700 ล้านบาท