แบงก์ ออฟ อเมริกา รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสสองที่ 2.42 พันล้านดอลลาร์ หรือ 33 เซนต์ต่อหุ้น เทียบกับผลกำไรในปีก่อนที่ระดับ 3.22 พันล้านดอลลาร์ หรือ 72 เซนต์ต่อหุ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า แม้ตัวเลขกำไรไตรมาสสองของแบงก์ ออฟ อเมริกา จะลดลง 5.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังดีกว่าการคาดการณ์ของตลาดวอลสตรีท โดยนักวิเคราะห์คาดว่า กำไรน่าจะอยู่ที่ 28 เซนค์ต่อหุ้น อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์รายได้ของนักวิเคราะห์ สูงกว่ารายได้จริงของธนาคาร ซึ่งอยู่ที่ 3.31 หมื่นล้านดอลลาร์
ธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐ กล่าวในแถลงการณ์ว่า ผลกำไรส่วนหนึ่งมาจากการขายหุ้นในไชน่า คอนสตรักชั่น แบงก์ คอร์ป
ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งซื้อกิจการเมอร์ริล ลินช์ ในปีนี้ ถือเป็นธนาคารใหญ่รายล่าสุดของสหรัฐ ที่สามารถทำผลกำไรได้อย่างงดงามจากธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ เช่นเดียวกับโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ และ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการไปก่อนหน้านี้
เคนเนธ ลูอิส ซีอีโอของแบงก์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า ยังมีความท้าทายต่างๆรออยู่เบื้องหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอ อัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น และคุณภาพสินเชื่อที่ย่ำแย่ลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคารตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ จนกระทั่งเข้าสู่ปี 2553 อย่างไรก็ดี เขาเชื่อว่า แบงก์ ออฟ อเมริกา จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปได้