ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมอง H2/52 ส่งออกรถยนต์หดตัวชะลอลงจาก H1/52

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 18, 2009 15:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า การส่งออกรถยนต์ของไทยมีแนวโน้มหดตัวน้อยลงในช่วงต่อจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี ตามทิศทางตลาดรถยนต์โลกเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ของโลก เช่น สหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น ซึ่งยอดขายรถยนต์ของจีนในเดือน ก.ค.ขยายตัวเป็นบวกเพิ่มขึ้น ส่วนสหรัฐฯและญี่ปุ่นหดตัวในอัตราที่ลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการด้านภาษี และการให้เงินสนับสนุนการซื้อรถยนต์ประหยัดพลังงาน

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยฯ คาดว่าช่วงหลังของปี 52 การส่งออกรถยนต์ของไทยน่าจะหดตัวลดลงมาอยู่ที่ 30-35% หรือคิดเป็นจำนวนรถยนต์ส่งออกประมาณ 254,000-275,000 คัน จากที่หดตัวสูงถึง 39.1% หรือคิดเป็นจำนวนรถยนต์ส่งออก 234,822 คันในช่วงครึ่งแรกของปี 52 ทำให้การส่งออกรถยนต์ไทยตลอดทั้งปี 52 อาจหดตัว 34-37% คิดเป็นจำนวนรถยนต์ส่งออก 490,000-510,000คัน ซึ่งเป็นการหดตัวลงอย่างรุนแรงจากที่เคยขยายตัว 12.4% ในปี 51 คิดเป็นจำนวนรถยนต์ส่งออก 775,652 คัน

คาดว่าการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์น่าจะเริ่มมาจากตลาดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาบางประเทศก่อน โดยรถยนต์นั่งมีแนวโน้มจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็วกว่ารถกระบะและรถบรรทุก เนื่องจากตลาดผู้บริโภคทั่วไปที่เป็นตลาดสำคัญของรถยนต์นั่งได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาดภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นตลาดสำคัญของรถกระบะและรถบรรทุก ที่อาจต้องอาศัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศผู้นำเข้าเป็นปัจจัยสำคัญ

นอกจากนี้ รถกระบะของไทยมีตลาดส่งออกหลัก คือ สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย ซึ่งแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีโอกาสเกิดได้ช้ากว่าตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาอย่างอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของรถยนต์นั่งจากไทย ทำให้โอกาสที่การส่งออกรถยนต์นั่งจะกลับมาฟื้นตัวได้ก่อนจึงมีสูง อย่างไรก็ตามรถกระบะอาจได้รับแรงหนุนเล็กน้อยจากตลาดแอฟริกาที่มีการนำเข้ารถกระบะเป็นหลักจากไทย และได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้น้อยกว่าหลายๆภูมิภาคในโลก

อย่างไรก็ตามสภาพเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ประกอบกับราคาน้ำมันที่เริ่มกลับมามีทิศทางสูงขึ้นอีกครั้ง และตัวเลขการว่างงานในต่างประเทศที่ยังคงสูงอยู่นี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกรถยนต์ของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างไม่อาจเลี่ยง ทำให้การส่งออกยังคงหดตัวสูง ในภาวะที่ตลาดส่งออกมีแนวโน้มแข็งขันกันสูงมากขึ้นท่ามกลางกำลังซื้อที่ยังชะลออยู่นี้

ในระยะสั้นการกระตุ้นตลาดในประเทศเพื่อชดเชยกำลังซื้อจากนอกประเทศที่หายไปด้วยกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆของค่ายรถ รวมถึงการเน้นเข้าหาตลาดศักยภาพ เช่น ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจน้อยกว่าหลายภูมิภาค และได้รับประโยชน์จากรายได้ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งมีราคาสูงขึ้นทั้งน้ำมันและโลหะพื้นฐานหลายชนิด โดยการกระตุ้นการส่งออกรถยนต์นั่งไปยังตลาดตะวันออกกลาง และการส่งออกรถกระบะไปตลาดแอฟริกา จึงอาจเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จำเป็นของค่ายรถต่างๆในภาวะเช่นนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ