ผลสำรวจความคิดเห็นซึ่งจัดทำโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งชาติสหรัฐบ่งชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่สามารถสกัดกั้นเงินเฟ้อในรอบ 10 ปีซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินหลายล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐ อาจพุ่งขึ้น 3%ต่อปี ในระหว่างปีพ.ศ.2557-2561 ซึ่งสอดคล้องกับการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคและข้อมูลที่ระบุว่า เฟดอาจทำงานหนักขึ้นในการรับมือกับเงินเฟ้อ หลังจากรัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดสินเชื่อ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะหนุนดัชนีซีพีไอพุ่งสูงขึ้น
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% ในอี 6 เดือนข้างหน้า ส่วนการประชุมเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 22 ก.ย.
ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐหดตัว 1% ในไตรมาส 2 ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัว 1.5% และสอดคล้องกับที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ "ระยะฟื้นตัว" แล้ว และคาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในไม่ช้านี้
บลูมเบิร์กรายงานว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าปัจจัยที่ทำให้จีดีพีไตรมาส 2 หดตัวน้อยกว่าคาดมาจากมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์ และจากโครงการรถเก่าแลกรถใหม่ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าการที่เศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากอัตราว่างงานในสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง