นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ของกระทรวงการคลังที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบในวันนี้ ถือเป็นผู้บริหารยุคใหม่ และหวังให้เป็นการปรับบทบาทกระทรวงการคลังยุคใหม่ที่เน้นความเป็นมืออาชีพ ใส่ใจต่อประชาชน โดยเฉพาะในช่วงที่ประชาชนมีความลำบากจากปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า
ทั้งนี้ ทุกตำแหน่งในกระทรวงการคลัง มีความสำคัญต่อการทำงานของกระทรวงการคลังในการแก้ปัญหาให้ประชาชน และยืนยันว่าการทำงานของทุกกรม และสำนัก จะต้องมีความเป็นเอกภาพ ด้วยหน้าที่ที่เกี่ยวโยงกัน เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้บรรลุเป้าหมายได้ด้วยการทำงานที่มีความสมานฉันท์
"ยืนยันว่ากาแต่งตั้งครั้งนี้ ได้หารือกับ รมช.ทั้งสองท่าน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเปิดอก และทั้งสองท้านก็พร้อมรับการตัดสินใจนี้" รมว.คลัง กล่าว
สำหรับข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลังที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายในวันนี้ ได้แก่ นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เป็นอธิบดีกรมศุลกากร, นายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)เป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต
น.ส.สุภา ปิยะกิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง มาเป็น ผอ.สคร., นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) มาเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลาง, นายสาธิต รังคะสิริ รองปลัดกระทรวงการคลัง มาเป็น ผอ.สศค.,นายนริศ ชัยสูตร ผู้ตรวจราชการกระทรวง มาเป็นรองปลัดกระทรวง และนางเสาวนีย์ กมลบุตร ผู้ตรวจราชการกระทรวง มาเป็นรองปลัดกระทรวง
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า กรมจัดเก็บภาษีถือว่าเป็นกรมที่มีความท้าทาย และเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้าได้และจะนำไปสู่การปฎิรูปการจัดเก็บภาษี กรมศุลกากรต้องปรับบทบาทจากกรมจัดเก็บภาษีไปสู่บทบาทที่เอื้อต่อการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอธิบดีคนใหม่ถือว่าเป็นุบคคลที่เข้าใจระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้ดี และเข้าใจด้านการค้าระหว่างประเทศด้วย
ส่วนกรมสรรพสามิต ผู้บริหารจะต้องมีการทบทวนอัตราการจัดเก็บภาษี ปรับปรุงระบบภาษีที่ซับซ้อนนำไปสู่ปัญหาความไม่โปร่งใสเป็นธรรม ส่วนกรมสรรพากร ที่เป็นกรมจัดเก็บภาษีที่ใหญ่ที่สุด จะต้องมีการขยายฐานภาษี นำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมร่วมกับประชาชนในฐานะผู้เสียภาษี สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
ขณะที่กรมบัญชีกลางเห็นว่านายพงษ์ภาณุ เคยดูแลการจัดหาแหล่งเงินเพื่อใช้ในโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งแล้ว เมื่อได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมบัญชีกลางก็จะได้มาติดตามดูการใช้เงินในโครงการ ซึ่งกรมฯ มีบทบาทสำคัญในการติดตาม ขับเคลื่อนแผนการลงทุนของรัฐบาลให้ได้ตามเป้าหมาย และเชื่อมโยงการทำงานของ 2 หน่วยงาน
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า สศค.มีความสำคัญในการปฏิรูปด้านต่างๆ ทั้ง การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กองทุนการออมเพื่อการชราภาพ และเป็นหน่วยงานที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับรมว.คลัง ส่วนรองปลัดกระทรวงการคลังต้องติดตามดูแลการใช้เงินคงคลัง วิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ การขยายฐานภาษี และการปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การแต่งตั้งโยกย้าย ข้าราชการระดับ 10 ครั้งนี้ มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงน้อยมาก เนื่องจากก่อนการแต่งตั้งครั้งนี้ ได้มีการหารือขอคำเสนอแนะจากปลัดกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับวัฒนธรรม ประเพณีปฎิบัติ และได้หารือกับ รมช.ทั้งสองคน ที่มีความเห็นที่สอดคล้องกันดี
นายอารีพงศ์ ในฐานะว่าที่ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ถือเป็นมิติใหม่ที่จะดูแลการจัดเก็บภาษีที่เกี่ยวข้องกับประชาชน ดังนั้น คงต้องเข้าไปดูความสมดุลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลกับความคุ้มค่าของผู้เสียภาษี โดยผู้ประกอบการต้องได้รับความเป็นธรรม และต้องปรับบทบาทองค์กรให้มีความทันสมัย
"คงต้องเข้าไปรู้จักกับคนมากขึ้น จากที่เคยคุมคนแค่ร้อยกว่าคน ต้องไปคุมคนกว่า 3 พันคน ก็ต้องสร้างความชัดเจนให้เร็วขึ้น" นายอารีพงศ์ กล่าว
นายพงษ์ภาณุ ว่าที่อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า คงต้องปรับบทบาทองค์กรจากกรมที่เป็นเสาหลักของกระทรวงการคลัง มีความเก่าแก่ที่สุดจนถูกมองว่าเป็นกรมชราภาพ มีการปรับปรุงวิธีทำงานใหม่ให้รวดเร็วทันสมัย โดยเฉพาะการเบิกจ่ายเงินงบประมาณต้องให้ได้ตามแผน โดยเฉพาะโครงการไทยเข้มแข็งในปี 53 ที่มีโครงการลงทุน 3 แสนล้านบาท จะต้องเบิกจ่ายให้ได้ 100%
"การบริหารเงินสดภาครัฐมีความสำคัญ ต้องทำให้สมบูรณ์เชื่อมโยงกับการบริหารราชการ และระบบท้องถิ่น คงต้องปฎิรูปกฎระเบียบ ข้อบังคับ ให้ทันสมัย เอื้อต่อนโยบายรัฐบาล" นายพงษ์ภาณุ กล่าว
นายสมชัย ว่าที่อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า การทำงานครั้งนี้ถือว่ามีความท้าทาย มั่นใจว่าจะสามารถบริหารคนภายในกรมได้ เพราะถือว่ามีประสบการณ์ในเรื่องนี้ นอกจากนี้พร้อมปฎิรูปองค์กรนำไปสู่กรมที่เอื้อต่อการค้า ตามนโยบายของรมว.คลัง ด้วยการปรับปรุงกฎระเบียบและกฎหมายต่างๆ