นายหลี่ เซี่ยน หลุน นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เปิดเผยว่า รัฐบาลสิงคโปร์จะขยายโครงการช่วยเหลือเรื่องค่าแรงแก่พนักงานที่จะเกษียณอายุในปีนี้ หรือโครงการ Jobs Credit Program ออกไปอีก 6 เดือน เพื่อไม่ให้อัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อกระบวนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์
นายหลี่กล่าวว่า รัฐบาลจะใช้งบประมาณ 675 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 483 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อขยายโครงการ Jobs Credit Program หลังจากที่ทางรัฐบาลได้ใช้งบประมาณไปแล้ว 4.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในการช่วยเหลือค่าแรงแก่พนักงานชาวสิงคโปร์เป็นระยะเวลา 1 ปี
"เศรษฐกิจสิงคโปร์กำลังฟื้นตัวขึ้น และบริษัทเอกชนบางแห่งก็เริ่มจ้างงานมากขึ้น แต่ถ้าเรารีบยุติการใช้โครงการ Jobs Credit Program เร็วเกินไป ก็จะทำให้ภาคเอกชนปรับตัวไม่ทัน" นายหลี่กล่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อัตราว่างงานในสิงคโปร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีพนักงานภาคเอกชนถูกปลดเกือบ 19,000 คนเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยส่งผลให้ดีมานด์สินค้าส่งออกและการบริการของญี่ปุ่นหดตัวลง ด้วยเหตุนี้รัฐบาลสิงคโปร์จึงประกาศใช้ Jobs Credit Program เพื่อช่วยเหลือประชาชนและยังช่วยให้บริษัทเอกชนสามารถลดต้นทุนการจ้างงานในช่วงที่เศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ
รัฐบาลสิงคโปร์ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยคาดว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีพ.ศ.2552 จะหดตัวลง 2.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะหดตัวลงราว 4-6% หลังจากจีดีพีขยายตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส ซึ่งภาวะที่ฟื้นตัวเช่นนี้อาจทำให้รัฐบาลสิงคโปร์ยุติการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ