"ไกธ์เนอร์"มั่นใจตลาดอสังหาฯซบเซาไม่จุดชนวนวิกฤตภาคธนาคารสหรัฐรอบสอง

ข่าวต่างประเทศ Friday October 30, 2009 11:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ กล่าวแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมชมรมเศรษฐศาสตร์ในชิคาโกว่า ภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์จะไม่ส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์รอบใหม่ในภาคการธนาคาร เนื่องจากเศรษฐกิจและภาคการธนาคารของสหรัฐผ่านพ้นวิกฤตการณ์ไปแล้ว

การแสดงความคิดเห็นของไกธ์เนอร์มีขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า จีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัว 3.5% ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวไตรมาสแรกหลังจากหดตัวมากว่า 1 ปี และขยายตัวมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวเพียง 3.2% ต่อปี

"ผมไม่คิดว่าภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะไม่ส่งผลให้ภาคการธนาคารสหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์รอบสอง เพราะสหรัฐสามารถจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจได้แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเพียงใดก็ตาม และผมกล้าพูดอย่างมั่นใจว่าระบบการเงินและเศรษฐกิจของเราเริ่มมีเสถียรภาพแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นด้วย" ไกธ์เนอร์กล่าว

ไกธ์เนอร์ยังกล่าวด้วยว่า การหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืนนั้นต้องกระตุ้นดีมานด์และการลงทุนในภาคเอกชน และไม่สนับสนุนให้ภาคเอกชนพึ่งพารัฐบาลมากเกินไป ขณะเดียวกันมาตรการให้ความช่วยเหลือภาคการธนาคารและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลบังคับใช้ไปก่อนหน้านี้นั้น ช่วยหนุนทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ซึ่งการดำเนินการที่ควบคู่กันไปเช่นนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ไกธ์เนอร์กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจำเป็นต้องลดยอดขาดดุลงบประมาณ เพราะยอดขาดดุลงบประมาณในปัจจุบันมีอยู่มากเกินไป ซึ่งหากรัฐบาลทำได้ก็จะช่วยกอบกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาได้

นอกจากนี้ ไกธ์เนอร์กล่าวว่า ภาคการเงินเริ่มมีเสถียรภาพหลังจากรัฐบาลทุ่มเทความพยายาม รวมถึงการใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะคืนเงินกู้ให้กับรัฐบาลมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในอีก 17 เดือนข้างหน้า

"ปัญหาในระบบการเงินของสหรัฐได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด รัฐบาลไม่ต้องการให้มีสถาบันการเงินแม้เพียงแห่งเดียวที่เผชิญปัญหาเพียงลำพัง แม้เราต้องเผชิญกับความท้าทายอันใหญ่หลวงในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม จนถึงขณะนี้ภาคการธนาคารของสหรัฐสามารถยืนขึ้นได้และได้จ่ายเงินคืนโครงการเงินกู้ฉุกเฉินไปแล้วกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ จากทั้งหมด 2.50 แสนล้านดอลลาร์" ไกธ์เนอร์กล่าว บลูมเบิร์กรายงาน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ