ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 6.5% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2548 และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยธนาคารกลางระบุว่าอัตราเงินเฟ้อในประเทศยังไม่สูงพอที่จะทำให้ธนาคารปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะนี้
ทางการอินโดนีเซียเปิดเผยในช่วงก่อนหน้านี้ว่า อัตราเงินเฟ้อภายในประเทศเดือนต.ค.ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปีที่ 2.57% ซึ่งทำให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีเวลามากพอที่จะดำเนินการตามธนาคารกลางแห่งอื่นๆในเอเชียที่เริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในช่วงต้นปีหน้า
เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในระยะเวลาเพียง 4 สัปดาห์ และทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกในกลุ่ม G20 ที่ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารกลางวิตกกังวลว่าภาวะเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะที่ธนาคารกลางอินเดียมีคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น พร้อมกับสั่งการให้ธนาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มการสำรองสภาพคล่อง 25% จากเดิม 24% หลังจากปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเป็น 6.5% จากเดิม 5% ซึ่งถือเป็นการประกาศในทางอ้อมว่า ธนาคารกลางอินเดียเริ่มดำเนินการในขั้นแรกในการถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และถือเป็นการส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้
ธนาคารกลางอินโดนีเซียคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัว 5.5% ในปีหน้า และ 4.3% ในปีนี้ เพราะได้แรงหนุนจากดีมานด์ผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ขณะที่นายซูซิโล บัมบัง ยุดโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ทางรัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าจะผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้นถึง 7% ก่อนที่เขาจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในสมัยที่ 2 ในปี 2557 บลูมเบิร์กรายงาน