ธนาคารกลางสิงคโปร์เปิดเผยในรายงาน Financial Stability Review ในวันนี้ว่า สิงคโปร์อาจต้องใช้มาตรการควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศมากขึ้นหากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก่อให้เกิดการซื้อขายเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์
"ดีมานด์ที่อยู่อาศัยส่วนบุคคลขยายตัวขึ้นอย่างมาก และราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ตกอยู่ในความเสี่ยง สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้คือการติดตามสถานการณ์ราคาและการทำธุรกรรมซื้อขายบ้านอย่างใกล้ชิด เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์และเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญความไม่แน่นอน แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์สิงคโปร์ยังมีการซื้อขายที่แข็งแกร่ง ซึ่งธนาคารกลางเชื่อว่าเกิดจากการเก็งกำไร ด้วยเหตุนี้สิงคโปร์จึงต้องปรับมาตรการให้พอเหมาะเพื่อควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เคลื่อนไหวอย่างสมดุลกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก" ธนาคารกลางสิงคโปร์กล่าวในรายงาน
ธนาคารกลางสิงคโปร์ยังกล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์เข้าสู่ระยะฟื้นตัวแล้วหลังจากเผชิญกับภาวะถดถอยรุนแรงในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่ถึงระดับก่อนเกิดวิกฤตการณ์ ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีลี กวน ยู คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัว 2.5% ในปีนี้ และจะขยายตัว 3% ในปีหน้า
นอกจากนี้ ธนาคารกลางสิงคโปร์คาดว่าตลาดหุ้นสิงคโปร์จะเผชิญภาวะผันผวนไม่ต่างกับตลาดหุ้นของประเทศอื่นๆในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนสถาบันต่างชาติและนักลงทุนรายใหญ่ปรับพอร์ทการลงทุน
บลูมเบิร์กรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ขยายตัว 14.9%ต่อปี หลังจากขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 22%ต่อปี ในไตรมาส 2 ทั้งนี้ สิงคโปร์ต้องพึ่งพาอุตสหกรรมการท่องเที่ยว การค้า และการเงินเป็นหลัก เพื่อให้สามารถประคองสถานะการเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการดำรงชีวิตที่สูงสุดในเอเชีย โดยภาคการผลิตของสิงคโปร์ขยายตัว 35%ต่อปีในไตรมาส 3 ส่วนภาคบริการขยายตัว 9.5%