รัฐบาลเกาหลีใต้และจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมต่อเรือขนาดใหญ่ที่สุดของโลก กำลังให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมเดินเรือภายในประเทศให้สามารถรับมือกับภาวะซบเซา อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าการให้ความช่วยเหลือเช่นนี้จะส่งผลให้อัตราค่าระวางเรือหดตัวลง
รัฐบาลเกาหลีใต้จัดสรรงบประมาณ 4 แสนล้านวอน หรือ 3.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมเดินเรือในการซื้อเรือใหม่ๆ ขณะที่รัฐบาลจีนเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มวงเงินกู้ให้กับอุตสาหกรรมเดินเรือ นอกจากนี้มีรายงานว่าเยอรมนีเข้าซื้อกิจการบริษัท Hapag-Lloyd AG ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือรายใหญ่ในประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทล้มละลาย
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลจะส่งผลให้ยอดสั่งซื้อเรือเพิ่มขึ้นแม้เกิดภาวะ overcapacity และการค้าชะลอตัวลงซึ่งเป็นเหตุให้อัตราค่าขนส่งทางเรือดิ่งลง 30% ในไตรมาส 3 และอาจจะฉุดอัตราค่าระวางเรือ BDI ดิ่งลง 61% ซึ่งอัตราค่าระวางเรือที่ร่วงลงส่งผลให้บริษัท เอเวอร์กรีน มารีน คอร์ป, ไชน่า คอสโค โฮลดิ้งส์ และเนปจูน โอเรียนท์ ไลนส์ สามบริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่สุดของเอเชีย ขาดทุนอย่างหนักในปีนี้ และยังส่งผลให้บริษัทเดินเรือหลายแห่ง CMA CGM SA ของฝรั่งเศสต้องยื่นขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล
นายมาอาร์เทน วิส รองประธานกลุ่มธุรกิจระวางเรือของ DVB Bank SE กล่าวว่า "เราวิตกกังวลเรื่องสถานภาะของอุตสาหกรรมเดินเรือ แม้แต่บริษัทที่ใหญ่กว่าเราก็ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากอัตราค่าระวางเรือที่ปรับตัวลดลง" ขณะที่นายกาลิด ฮาสฮิม กรรมการผู้จัดการบริษัท Precious Shipping Pcl ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือรายใหญ่สุดในประเทศไทยกล่าวว่า "รัฐบาลควรปล่อยให้บริษัทล้มละลายไป การให้ความช่วยเหลือทุกประเภทถือเป็นข่าวร้ายสำหรับอุตสาหกรรม"
บลุมเบิร์กรายงานโดยอ้างข้อมูลของ Clarkson Plc ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ด้านการเดินเรือรายใหญ่สุดของโลกว่า อุตสาหกรรมเดินเรือได้รับผลกระทบจากการที่ผู้บริโภคทั้งในสหรัฐและยุโรปลดการสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในเอเชีย เนื่องจากอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีของสหรัฐส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และส่งผลให้อุตสาหกรรมการเดินเรือระหว่างเอเชีย-สหรัฐหดตัวลงติดต่อกันยาวนานถึง 8 เดือน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า มูลค่าการค้าระหว่างประเทศจะต้องเพิ่มขึ้นราว 30% ทุกๆปีจนถึงปี 2544 จึงจะสอดคล้องกับจำนวนเรือใหม่ๆที่เข้าสู่ตลาดได้ อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟคาดว่ามูลค่าการค้าระหว่างประเทศจะหดตัวลง 12% ในปีนี้ และอาจจะฟื้นตัวขึ้น 2.5% ในปีหน้า