สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งกว่า 22 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,139.20 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 22.50 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,119.50-1,143.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 18.400 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.02 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 12.9 เซนต์ ปิดที่ 3.1285 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,444.60 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 55.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 376.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 19.25 ดอลลาร์
เดฟ เมเกอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Vision Financial Markets กล่าวกับเอพีว่า สัญญาทองคำทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงหลังจากดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เพราะดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำและน้ำมันดิบ มีราคาถูกลงสำหรับกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ
"โดยปกติแล้วเมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจะกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ แต่ก็มีนักวิเคราะห์จำนวนมากที่เชื่อว่าสัญญาทองคำทะยานขึ้นเนื่องจากการซื้อเพื่อเก็งกำไร" เมเกอร์กล่าวดัชนี ICE Futures US dollar index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก ร่วงลง 0.9% เมื่อคืนนี้ หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ยืนยันในที่ประชุมเฟดเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย "ต่อไปอีกระยะหนึ่ง" เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และระบุว่าเม็ดเงินที่รัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจนั้น ไม่ได้ทำให้เกิดกระแสเก็งกำไรที่นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ