นายอาห์หมัด ฮอสนี ฮานาซ์ลาห์ รมช.คลังมาเลเซียกล่าวในวันนี้ว่า รัฐบาลมาเลเซียตั้งเป้าประหยัดงบประมาณให้ได้ถึง 2 พันล้านริงกิต หรือ 590 ล้านดอลลาร์ ในปีหน้า ด้วยการปรับปรุงโครงการให้ความช่วยเหลือด้านเชื้อเพลิง โดยปัจจุบันรัฐบาลต้องใช้งบประมาณสูงถึง 8,000 ริงกิตต่อคนต่อปี ในนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมหลายประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมเชื้อเพลิง
รัฐบาลมาเลเซียพยายามหาลู่ทางที่จะลดงบประมาณการใช้จ่ายและกระตุ้นรายได้เพื่อแก้ปัญหายอดขาดดุลงบประมาณที่คาดว่าจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 22 ปีที่ระดับ 7.4% ของตัวเลขจีดีพีในปีนี้ ซึ่งหนึ่งในแนวทางดังกล่าวคือการปรับนโยบายให้ความช่วยเหลือด้านเชื้อเพลิงให้เป็นการช่วยเหลือเฉพาะประชาชนที่ยากจน แทนนโยบายเดิมที่ให้ความช่วยเหลือทุกคน
นายฮอสนีกล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียวางแผนที่จะเริ่มการให้ความช่วยเหลือด้านเชื้อเพลิงเฉพาะประชาชนที่ยากจนในปีหน้า และจะใช้ระบบสมาร์ทการ์ดมาใช้ในการซื้อเชื้อเพลิงตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป นอกจากนี้ รัฐบาลยังตั้งเป้าเพิ่มรายได้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้าและการบริการ 4% ในช่วงกลางปี 2553 ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลมีรายได้ 1 พันล้านริงกิตต่อปี
ทั้งนี้ คาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลลดลงสู่ระดับ 5.6% ของตัวเลขจีดีพีในปีหน้า และจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ระดับ 5% ในปีหน้าด้วย
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจของมาเลเซียคาดการณ์ว่า จีดีพีภายในประเทศจะหดตัวลงรุนแรงถึง 3.3% ในปีนี้ ก่อนที่จะขยายตัวขึ้น 3.7% ในปีหน้าเนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น