(เพิ่มเติม) ธกส.เร่งเกษตรกรทำสัญญาประกันรายได้ภายใน 15 ธ.ค. ห่วงได้รับเงินน้อยลง

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 11, 2009 15:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษจรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) กล่าวว่า เกษตรกรที่ยังไม่ได้มาขึ้นทะเบียนทำสัญญาประกันรายได้กับ ธกส.ขอให้รีบมาขึ้นทะเบียนภายในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในโครงการ เนื่องจาก ธกส.ห่วงว่าเกษตรกรจะเสียสิทธิ์รับเงินส่วนต่างหรือได้รับเงินน้อยลง เพระขณะนี้ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงของสินค้าเกษตรทั้ง 3 ชนิดปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาส่วนต่างระหว่างราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงกับราคาประกันแคบลงทุกขณะ ดังนั้น หากเกษตรกรยังไม่รีบมาสัญญาโอกาสที่จะได้รับเงินชดเชยก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ

สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนแล้ว สามารถยื่นขอใช้สิทธิ์รับเงินได้จนถึงวันที่ 28 ก.พ.53

"ธนาคารเป็นห่วงว่า เกษตรกรจะเสียสิทธิ์รับเงินส่วนต่างหรือได้รับน้อยลง เนื่องจากในขณะนี้ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงของข้าวเปลือกและมันสำปะหลังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นายลักษณ์ กล่าว

อนึ่ง เมื่อ 1 ธ.ค. 52 ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ตันละ 13,720 บาท ข้าวหอมจังหวัดตันละ 13,388 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 9,242 บาท ข้าวหอมปทุมตันละ 10,565 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 9,591 บาท ส่วนราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงมันสำปะหลังอยู่ที่กิโลกรัมละ 1.64 บาท

นายลักษณ์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะเกษตรกรที่ปลูกพืชเศรษฐกิจ 3 ชนิด คือ ข้าวเปลือกนาปี มันสำปะหลัง และ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปรากฎว่า จนถึงวันที่ 9 ธ.ค.52 มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนและมีการออกหนังสือรับรองการทะเบียนรวม 4,049,816 ราย และจ่ายเงินชดเชยไปแล้ว 10,802 ล้านบาท แบ่งเป็น ข้าวเปลือกนาปี 3,208,360 ราย มันสำปะหลัง 443,239 ราย และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 398,217 ราย

โดยในส่วนของข้าวเปลือกนาปี จำนวน 3,208,360 รายนั้น ธกส.ได้จัดทำสัญญาให้แล้ว 2,669,556 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 83.21 มีเกษตรกรใช้สิทธิ์รับเงินชดเชยส่วนต่างราคารวม 5,340.44 ล้านบาท และมีสัญญาที่ได้รับการอนุมัติรอการใช้สิทธิ์ 1.82 ล้านราย

ส่วนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังขึ้นทะเบียนแล้ว 443,239 ราย ทำสัญญาแล้ว 421,148 ราย คิดเป็นร้อยละ 95.02 มีเกษตรกรใช้สิทธิ์รับเงินชดเชยส่วนต่างราคารวม 472.48 ล้านบาท และมีสัญญาที่ได้รับการอนุมัติรอการใช้สิทธิ์ 5.45 หมื่นราย

ด้านเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาขึ้นทะเบียนแล้ว 398,217 ราย ทำสัญญาแล้ว 389,668 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.85 มีเกษตรกรใช้สิทธิ์รับเงินชดเชยส่วนต่างราคารวม 4,989.27 ล้านบาท

นายลักษณ์ ยังมองว่า การที่เกษตรกรกำลังประสบปัญหาแมลงศัตรูพืชระบาดอยู่ในขณะนี้ ทั้งเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่กัดกินทำลายนาข้าวในหลายพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย และเพลี้ยแป้งที่ทำลายมันสำปะหลังในภาคอีสาน ทำผลผลิตเสียหายและจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรก็น่าจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เกษตรผู้ปลูกข้าวควรมาเข้าโครงการทำสัญญาประกันรายได้กับรัฐบาล

ทั้งนี้ ธกส.คาดว่าเมื่อครบกำหนดวันที่ 15 ธ.ค.นี้ น่าจะสามารถจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรผู้ปลูกพืชทั้ง 3 ชนิดได้ประมาณ 2-2.5 หมื่นล้านบาท จากงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐที่จะช่วยเหลือพืชเกษตร 4.3 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินที่เหลือก็จะคืนให้แก่รัฐบาลซึ่งคงจะมีการพิจารณาว่าจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์อย่างไรต่อไป

นายลักษณ์ กล่าวว่า หากเกษตรกรยังไม่รีบมาทำสัญญา โอกาสที่จะได้รับเงินชดเชยจะลดน้อยลงอีก และ ธ.ก.ส. จะยุติการทำสัญญาประกันรายได้เกษตรกรในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในโครงการ ส่วนเมื่อสิ้นสุดโครงการแล้วจะมีการขยายระยะเวลาหรือไม่ คงจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายกอปรศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจว่าจะตัดสินใจอย่างไร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ