นายลิ่ว หมิงกัง ประธานคณะกรรมาธิการกำกับดูแลด้านการธนาคารของจีน กล่าวแสดงความเห็นในวันนี้ว่า ธนาคารพาณิชย์ของจีนมีเงินทุนมากเกินพอ และเรียกร้องให้ธนาคารขยายวงเงินกู้ให้กับผู้บริโภคและบริษัทขนาดเล็ก แม้จีนเผชิญกับความเสี่ยงภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ก็ตาม
นายหมิงกังเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ของจีนสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ห่างไกล, โครงการด้านสุขภาพ, การประหยัดพลังงาน และโครงการลดมลภาวะ อย่างไรก็ดี ประธานคณะกรรมาธิการได้แสดงความกังวลว่า จีนอาจเผชิญกับความเสี่ยงฟองสบู่ในเชิงระบบ หลังจากธนาคารของจีนปล่อยเงินกู้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.21 ล้านล้านหยวน หรือ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2552 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม นายหมิงกันไม่ได้กล่าวยืนยันว่า จีนจะควบคุมอัตราการปล่อยกู้ในปี 2553 หรือไม่ หลังจากนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า กล่าวเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า อัตราการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ในจีนอยู่ในระดับที่สูงเกินไป
นายหลุยส์ เข่อจี หัวหน้านักวิเคราะห์ของธนาคารโลกกล่าวว่า ธนาคารกลางจีนควรควบคุมการปล่อยสินเชื่อเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจีนจะไม่เผชิญกับภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ โดยในปีที่แล้วดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนพุ่งขึ้นไปแล้ว 72% หลังจากรัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 5.86 แสนล้านดอลลาร์ รวมทั้งลดการสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสู่ระดับระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
"จีนควรปรับเศรษฐกิจให้มีความสมดุล โดยมุ่งเน้นการปรับสมดุลด้านการอุปโภคบริโภคและธุรกิจบริการ และจีนควรชะลอการลงทุนและการขยายภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากจีนกำลังเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ที่มีราคาสูงเกินไป นอกจากนี้ สภาพคล่องในระบบของจีนยังมีอยู่หนาแน่นจนเกินไปด้วย ซึ่งนอกจากจะเสี่ยงในเรื่องภาวะฟองสบู่แล้ว จีนไม่ควรมองข้ามความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ" เข่อจีกล่าว