นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ของสหรัฐอาจเพิ่มขึ้น 0.5% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมถึงผลผลิตของโรงงาน, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค จะขยายตัวขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นในปี 2553
นักวิเคราะห์จากบีเอ็นพี พาริบาส์ในนิวยอร์ก กล่าวว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานในสหรัฐทำให้ผู้บริโภคมีกำลังในการใช้จ่ายมากขึ้น จึงทำให้ยอดค้าปลีกประจำเดือนธ.ค.มีแนวโน้มที่จะขยายตัวขึ้นราว 0.5% โดยล่าสุดมีรายงานว่าบริษัท ทีเจเอ็กซ์ คอส และบริษัท เซียร์ส โฮลดิ้งส์ คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ มียอดขายเดือนธ.ค.มากขึ้น เนื่องจากทางบริษัทปรับลดาคาสินค้าเพื่อดึงดูดผู้บริโภค
SpendingPulse ระบุว่า ยอดขายสินค้าออนไลน์ในเดือนธ.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 18% ส่วนยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้น 5.5% ขณะที่ยอดขายอัญมณีไต่ระดับขึ้น 6.9% และยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็ขยายตัวขึ้นเช่นเดียวกัน
สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) รายงานว่า ยอดค้าปลีกในช่วงเทศกาลวันหยุดในสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.12 หมื่นล้านดอลลาร์ จากปีที่แล้วที่ระดับ 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากห้างค้าปลีกปรับลดราคาสินค้าหลายประเภท รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ว่า อัตราว่างงานเดือนธ.ค.ยังอยู่ที่ระดับ 10% หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 27 ปีที่ 10.1% ในเดือนต.ค แต่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรร่วงหนักเกินคาดถึง 85,000 อัตรา จากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวหรือลดลงเพียงเล็กน้อย โดยภาคส่วนที่มีการปลดพนักงานมากที่สุดคือภาคการก่อสร้าง การผลิต และการค้าส่ง