ดีมานด์ในตลาดสินเชื่อของญี่ปุ่นเดือนม.ค. 2553 ร่วงหนักสุดในรอบกว่า 5 ปี ขณะกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ปรับลดการใช้จ่ายในปีงบประมาณปัจจุบันที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.นี้
ผลการสำรวจที่จัดทำโดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ระบุว่า อัตราความต้องการเงินกู้เพื่อใช้เป็นทุนดำเนินธุรกิจในเดือนม.ค.ร่วงลงสู่ระดับติดลบ 17 จุดจากเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2547
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวระบุด้วยว่า การขยายตัวของยอดส่งออกที่ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจหลุดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมานั้นยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้ภาคเอกชนกู้ยืมเงินมากขึ้น ขณะเดียวกัน ตัวเลขสินเชื่อภาคธนาคารในเดือนธ.ค.ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี เนื่องจากบริษัทหลายแห่งหันไประดมทุนผ่านการขายหุ้นกู้ ซึ่งเป็นวิธีหาเงินทุนที่ง่ายกว่าการกู้ยืมเงินจากธนาคารในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลก
ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขึ้น แต่เมื่อพิจารณาในแง่ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจพบว่ายังอยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ความต้องการสินเชื่อยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์เองไม่ได้มีช่องทางในการหารายได้มากนัก เพราะอุปสงค์ด้านเงินกู้ยังคงซบเซา
นอกจากนี้ผลสำรวจอีกฉบับระบุว่า ผู้ประกอบการรายใหญ่มีแผนปรับลดค่าใช้จ่ายในโรงงานลงเกือบ 30% ในรอบปีงบประมาณปัจจุบัน หลังจากยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนพ.ย.ดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะเดียว ดัชนีชี้วัดความเต็มใจของธนาคารในการออกเงินกู้ให้กับบริษัทขนาดใหญ่อยู่ที่ระดับ 5 จุด ส่วนบริษัทขนาดกลางอยู่ที่ 7 จุด และบริษัทขนาดเล็กอยู่ที่ 21 จุด โดยอ้างถึงการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างสถาบันการเงินด้วยกันเอง และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ธนาคารต้องผ่อนคลายมาตรการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจ