ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75% ในการประชุมวันนี้ หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้งในการประชุมตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2552 ซึ่งการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในวันนี้สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่ระดับ 4%
ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศ G20 ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 3 ครั้ง โดยเมื่อวันที่ 6 ต.ค.2552 ธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 3.25% จากเดิม 3.0% ต่อมาในวันที่ 3 พ.ย.2552 ธนาคารปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.25% เป็น 3.5% และในการประชุมวันที่ 1 ธ.ค.ธนาคารประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.75%
ปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันถึง 3 ครั้งมาจากความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วอาจก่อให้เกิดเงินเฟ้อ โดยภาคเอกชนของออสเตรเลียเพิ่มการจ้างงาน 35,200 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 10,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 5.5% จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ระดับ 5.6%
ขณะที่ยอดค้าปลีกประจำเดือนพ.ย. 2552 ของออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.4% ทำสถิติเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 8 เดือน เนื่องจากภาคครัวเรือนเพิ่มการใช้จ่ายในการซื้อเสื้อผ้าและอาหาร โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่มีการประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 0.4% และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3%
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคเอกชนของออสเตรเลียขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน โดยผลสำรวจความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจของออสเตรเลียซึ่งจัดทำโดยเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงค์ บ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนธ.ค.ปี 2552 ร่วงลงเหลือเพียง 8 จุด ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 6 เดือน