คลังสั่ง 3 หน่วยงานดูข้อ กม.-ความเสียหายต่อรัฐ ตามคำตัดสินคดียึดทรัพย์

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 2, 2010 13:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการหารือกับนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ต่อกรณีการวางแนวทางเพื่อพิจารณาผลความเสียหายของหน่วยงานภาครัฐตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายงานไว้ 3 ด้าน คือ ให้กรมบัญชีกลาง ดำเนินการตามคำพิพากษา , ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ศึกษาคำพิพากษา และตรวจสอบดูว่ามีส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับรัฐวิสาหกิจที่ต้องดำเนินการ และ มอบหมายให้กรมสรรพากร พิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาษี

“ทั้ง 3 หน่วยงานต้องไปอ่านคำพิพากษาแล้วดูว่า จะเกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามคำพิพากษาอย่างไร มีเรื่องที่เกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดอย่างไร เรื่องนี้กรมบัญชีกลางจะดำเนินการ ส่วนที่เกี่ยวกับสคร.นั้น จะต้องศึกษาจากคำพิพากษาว่ามีส่วนใดเกี่ยวข้องกับรัฐวิสาหกิจบ้าง จากนั้นจะมาพิจารณาว่ามีส่วนใดต้องดำเนินการ" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ร่วมกันของ 3 หน่วยงาน เนื่องจากแต่ละหน่วยงานมีกฎหมายแตกต่างกัน เช่น กรมบัญชีกลาง มีกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิด กรมสรรพากร ดูแลประมวลกฎหมายรัษฎากร และ สคร.มีกฎหมายที่ว่าด้วยการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ

ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรมฯจะดำเนินการพิจารณาตามกฎหมายความรับผิดทางละเมิด โดยขอศึกษาคำพิพากษาของศาลให้ชัดเจนก่อนว่ามีหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องหรือได้รับความเสียหาย

“หัวหน้าส่วนราชการนั้นๆ จะทำการสอบสวนเบื้องต้น มีเวลา 60 วัน หลังจากสอบสวนเสร็จแล้วจะส่งกลับมายังคณะกรรมการของกรมบัญชีกลางที่พิจารณาความรับผิดทางแพ่ง เราจะชี้ขาดว่าความเสียหายที่เป็นข้อเท็จจริงนั้น เป็นเท่าไร และจะเรียกร้องต่อไป" นายพงษ์ภาณุ กล่าว

นายพงษ์ภาณุ กล่าวถึงกระบวนการนำเงินที่ได้จากการอายัดทรัพย์นำส่งเข้าเงินคงคลังว่า จะต้องรอความชัดเจนต่อกระบวนการยื่นอุทธรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะมีขึ้นภายใน 30 วันหลังจากที่ศาลฎีกาได้มีคำสั่งไปแล้วก่อน ซึ่งหากไม่มีการยื่นอุทธรณ์ หรือศาลไม่รับอุทธรณ์ ทางกรมบัญชีกลางจะได้ประสานงานกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาแนวทางเรื่องการโอนเงินที่มีอยู่ในแต่ละบัญชีจากธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งมาเข้าเป็นเงินคงคลังต่อไป

“ต้องรอให้ครบ 30 วันที่จะอุทธรณ์ หลังจากกระบวนการอุทธรณ์เสร็จแล้ว จึงค่อยนำส่งเข้าคลัง...ตอนนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่ คือ ป.ป.ช. ความชัดเจนจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อกรมบัญชีกลางได้ประสานงานกับ ป.ป.ช.แล้วในนโยบายการยึดทรัพย์ว่าจะดำเนินการอย่างไร จะโอนเงินฝากที่อยู่ในบัญชีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมาไว้ในคลังอย่างไร เพราะกระทรวงการคลังเป็นเจ้าหนี้ในคดีนี้ ส่วนป.ป.ช.เป็นเจ้าพนักงานบังคับคดี" นายพงษ์ภาณุ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ