นายอรรคบุษย์ ไกรฤกษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ผลดำเนินงานในปี 52 ธปท.มีผลขาดทุนสุทธิ 7,662 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ 12,102 ล้านบาท จากผลขาดทุนดังกล่าวทำให้ ธปท.จะไม่มีการส่งเงินจากผลดำเนินงานในปี 52 ไปให้กับกระทรวงการคลังเพื่อชดเชยภาระหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และทำให้ขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 8.2 หมื่นล้านบาท
สำหรับผลตอบแทนการบริหารเงินของ ธปท.รวมทุกบัญชีอยู่ที่ 4.4% แต่ต้นทุนดอกเบี้ยทั้งหมดอยู่ที่ 1.8% รวมแล้วเป็นอัตรากำไรสุทธิประมาณ 2.6% แต่ถูกผลจากการชดเชยในการแปลงอัตราแลกเปลี่ยนจากบาทเป็นดอลลาร์ ทำให้เสียต้นทุนไปถึง 4.7% ทำให้มีผลขาดทุนจาการตีสินทรัพย์และหนี้สินจำนวน 6.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งรับรู้เข้าส่วนของทุนตามที่กฎหมายกำหนด
แต่หากแยกเป็นการนำเงินทุนสำรองไปลงทุนและได้กำไรในรูปดอลลาร์จะอยู่ที่ 3.3% กว่า ขณะที่ต้นทุนในการจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรของ ธปท.อยู่ที่ 2.3%
ส่วนผลดำเนินงานของทุนสำรองเงินตราในปี 52 กำไรสุทธิ 8,567 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลกำไรจากมูลค่าทองคำเพิ่มขึ้น ณ วันสิ้นปีมีส่วนของทุน 857,058 ล้านบาท ด้านกิจการธนบัตร มีการผลิตธนบัตรทุกชนิดราคาจำนวน 2,757 ล้านฉบับ เพิ่มขึ้น 0.4% จากปีก่อนหน้า ซึ่งผลดำเนินงานในกิจการธนบัตรมีกำไรสุทธิ 498.7 ล้านบาท