สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) จากแรงขายทำกำไรในช่วงท้าย หลังจากที่ราคาทองพุ่งทำสถิติสูงสุดในช่วงเปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนหันลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง หลังจากเกิดวิกฤตหนี้ยุโรปที่สร้างความหวาดกลัวว่าจะฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 1.4 ดอลลาร์ มาปิดที่ระดับ 1,227.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากที่เคลื่อนตัวในช่วง 1,217.60 - 1,249.70 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 27.4 เซนต์ ปิดที่ 19.225 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 9.75 เซนต์ ปิดที่ 3.1340 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนก.ค.ดิ่งลง 24.0 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,715.4 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือนมิ.ย.ร่วงลง 15.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 527.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ แผนการช่วยเหลือกรีซและรักษาเสถียรภาพยูโรมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ได้ช่วยคลายความกังวลให้นักลงทุนได้ในช่วงต้นสัปดาห์ แต่มุมมองที่เป็นบวกค่อยๆจางหายตลอดทั้งสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกว่า การหั่นรายจ่ายครั้งใหญ่ของประเทศในยูโรโซนที่กำลังประสบปัญหายอดขาดดุลอย่าง กรีซ สเปน และโปรตุเกส จะชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ ลามไปถึงเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปและอาจรวมถึงเศรษฐกิจโลก
เงินยูโรดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2551 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จากกระแสคาดการณ์ว่า ค่าเงินยูโรอาจแตกสลาย และเนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองเพื่อเก็งกำไรค่าเงินท่ามกลางวิกฤตหนี้ยูโรโซน ส่งผลให้ราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1249.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ในการซื้อขายช่วงเปิดตลาดเมื่อวันศุกร์
อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นทั่วโลกและราคาน้ำมันทรุดลงหนักในวันศุกร์จากความวิตกเศรษฐกิจยูโรนั้น ได้ผลักดันให้นักลงทุนบางส่วนขายทองเพื่อทำเงินสด นอกจากนี้เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นได้ลดความน่าดึงดูดใจให้เข้าซื้อทองด้วยเช่นกัน