จอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษ เตรียมเปิดเผยรายละเอียดของมาตรการปรับลดการใช้จ่ายภาครัฐจำนวน 6.2 พันล้านปอนด์ โดยมีเป้าหมายที่จะบรรเทาภาระหนี้สินของประเทศ ย้ำรัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินแผนการนี้ทันที คาดอาจมีการหั่นงบประมาณด้านธุรกิจไอที อสังหาริมทรัพย์ โฆษณาและการจัดหาบุคลากร ขณะองค์กรอิสระบางกลุ่มอาจต้องยุบตัวลง
โดยออสบอร์นได้กล่าวว่า เม็ดเงินกำลังจะหมดไป ดังนั้นรัฐบาลต้องหาคำตอบให้ได้ว่าจะสามารถประหยัดรายจ่ายตรงจุดไหนได้บ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงการระงับการจ้างข้าราชการหรือพนักงานในภาครัฐเพิ่ม แทนที่จะไล่พนักงานออก พร้อมระบุด้วยว่า มาตรการลดยอดขาดดุลควรจะช่วยกระตุ้นภาคเอกชน ซึ่งจะนำไปสู่การจ้างงานมากขึ้นในที่สุด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ความคืบหน้าครั้งนี้นับเป็นก้าวแรกในความพยายามลดยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลชุดใหม่โดยหลายฝ่ายคาดว่า อังกฤษจะมียอดขาดดุลงบประมาณที่ระดับ 1.56 แสนล้านปอนด์ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ การปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณในปีนี้สูงกว่าที่รัฐบาลประกาศไว้ในการหาเสียงเลือกตั้งว่าจะปรับลดยอดขาดดุลให้ได้ 6 พันล้านปอนด์ อย่างไรก็ตาม อดีตขุนคลังอังกฤษเกรงว่า แผนการดังกล่าวของรัฐบาลจะสร้างความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต