ผลการสำรวจความคิดเห็นของธนาคารพาณิชย์ในประเทศจีนซึ่งจัดทำโดยไชน่า โอเรียนท์ แอสเซท แมเนจเมนท์ คอร์ป พบว่า อุตสาหกรรมการธนาคารของจีนอาจเผชิญความเสี่ยงที่จะมีตัวเลขหนี้เสียเพิ่มขึ้นในอีก 2 -3 ปีข้างหน้านี้ เนื่องจากธนาคารได้ปล่อยวงเงินกู้จำนวนมากในปี 2552 โดยคาดว่าตัวเลขหนี้เสียจะพุ่งขึ้นสูงสุดในปี 2555 โดยส่วนใหญ่จะเป็นเงินกู้ที่ปล่อยให้กับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน
อย่างไรก็ดี ธนาคารส่วนใหญ่ที่ร่วมในการสำรวจคาดว่า สัดส่วนหนี้เสียมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยในปีนี้ สำหรับความเสี่ยงสูงสุดที่ธนาคารจะเผชิญ ได้แก่ ความเสี่ยงในการปล่อยเงินกู้ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ เงินกู้ที่ปล่อยให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และเงินกู้ที่ปล่อยให้กับรัฐวิสาหกิจ
ธนาคารเครดิต อกริโคล เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้อัตราการขยายตัวของสินเชื่อพุ่งสูงมาก ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง โดยธนาคารคาดว่าตัวเลขหนี้เสียในอุตสาหกรรมการธนาคารของจีนจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในอีก 2 -3 ปีข้างหน้า หลังจากอัตราการปล่อยสินเชื่อขยายตัวอย่างมาก นอกจากนี้ ธนาคารระบุว่าความเสี่ยงของสินเชื่อที่ปล่อยให้กับบริษัทด้านการเงินของรัฐบาลท้องถิ่นนั้น ควรจับตาดูมากเป็นพิเศษ
ด้านนายเต๋า ตง นักวิเคราะห์จากเครดิตสวิส คาดว่าตัวเลขหนี้ค้างชำระของบริษัทการเงินท้องถิ่นของจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8 ล้านล้านหยวนภายในปีนี้ หรือคิดเป็นร้อยละ 19 ของยอดเงินกู้รวมในอุตสาหกรรมการเงิน และคิดเป็นร้อยละ 24 ของจีดีพีจีน
ทั้งนี้ นายเต๋ากล่าวว่า ยอดเงินกู้เหล่านี้จะกลายเป็นระเบิดเวลาที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจจีนในอีก 3 ปีข้างหน้า สำนักข่าวซินหัวรายงาน