พาณิชย์เตรียมชงกฎหมายแอบถ่ายในโรงหนังให้ ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 16, 2010 16:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมทรัพย์สินทางปัญญหา ได้ยกร่าง พ.ร.บ.แอบถ่ายในโรงภาพยนตร์ เสร็จเรียบร้อย และได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแล้ว โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้วจะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมที่จะถึงในเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งคาดจะมีผลบังคับใช้ได้ภายในปีนี้

"การยกร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการเพราะถูกสหรัฐฯ กดดัน และไม่ได้หวังจะให้สหรัฐฯ ปลดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษด้านทรัพย์สินทางปัญญา(PWL) แต่เพื่อต้องการแก้ปัญหาการละเมิดในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ที่แต่ละปีมีความเสียหายสูงถึง 7,252 ล้านบาท และหากกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว คาดว่าจะทำให้มีการสร้างหนังไทยเพิ่มขึ้นขึ้น 14 เรื่องต่อปี คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นตลอดห่วงโซ่การผลิตไม่ต่ำกว่า 2,443 ล้านบาท และมีการจ้างงานเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 4,900 งาน" นายอลงกรณ์ กล่าว

สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายฉบับดังกล่าว กำหนดว่า ผู้ใดบันทึกภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์โดยมิชอบ ให้ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายนี้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่า การกระทำดังกล่าวจะขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของสิทธิ์ หรือกระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของสิทธิ์เกินสมควรหรือไม่ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท แต่หากกระทำร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน-4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากผู้ใดบังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือใช้บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะมีโทษเป็น 2 เท่า เป็นต้น

รมวช.พาณิชย์ ยังกล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์โลก วันที่ 20-30 พ.ย.53 โดยงานดังกล่าวแบ่งการจัดงานเป็น 4 กิจกรรมคือ การประชุมเศรษฐกิจสร้างสรรค์โลก วันที่ 28-30 พ.ย.53, งานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ วันที่ 20-30 พ.ย.53, งานเทศกาลออกแบบบางกอก 2553 วันที่ 20-30 พ.ย.53 และงานเทศกาลเคเบิลทีวี วันที่ 27-28 พ.ย.53 โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 195 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ