ผลสำรวจชี้บริษัทสหรัฐหลายแห่งมีแผนจ้างพนักงานและเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆ มากขึ้นในช่วง 6 - 12 เดือนนี้ แม้ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการชะลอตัวก็ตาม
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่จัดทำโดยสมาคม National Association of Business Economics (NABE) ระบุว่า สัดส่วนของภาคธุรกิจที่คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้พุ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 25 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 21 จุดในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ กลุ่มผู้ตอบสอบที่คาดว่าจะบริษัทต่างๆ จะเพิ่มการใช้จ่ายเงินทุนนั้นมีสัดส่วนสูงกว่ากลุ่มที่คาดว่าจะลดลงอยู่ 25 จุด
ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ตลาดแรงงานและบรรยากาศการลงทุนในภาคธุรกิจจะขยายตัวดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจหลังจากที่การขยายตัวของยอดขายเริ่มแผ่วลงในไตรมาสสอง โดยสัดส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้น้อยกว่าระดับ 3.1% นั้นเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 79% จากเดิมที่ระดับ 75% ในเดือนเม.ย.
"เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2 แม้ว่าการขยายตัวจะเริ่มเป็นไปในอัตราที่ช้ากว่าเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา" นักวิเคราะห์ระบุ พร้อมทั้งชี้ว่า ความต้องการในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 แม้ว่าจะเติบโตในอัตราที่ช้าลง ขณะที่ต้นทุนที่อยู่ในระดับต่ำทำให้ผลกำไรปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ 52% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า ยอดขายสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสสอง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวลดลงจากระดับ 57% ในผลสำรวจเมื่อเดือนเม.ย. โดยรายงานดังกล่าวระบุถึงส่วนต่างผลกำไรที่เพิ่มขึ้นในอัตรา 25% และสัดส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามที่มองว่า ราคาสินค้าจะยังคงทรงตัวที่ระดับเดิมนั้นอยู่ที่ 73% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 65% ในเดือนเม.ย.
ขณะเดียวกันผู้ตอบแบบสอบถาม 39% คาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นในอีก 6 เดือนต่อจากนี้ เมื่อเทียบกับผลสำรวจที่ 37% ในเดือนเม.ย. ขณะที่สัดส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามที่คาดว่า การจ้างงานจะขยายตัวในช่วงไตรมาสสองนั้นเพิ่มขึ้นแตะ 31% จากระดับ 22% ในเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ สัดส่วนของบริษัทที่มีแผนเพิ่มการใช้จ่ายด้านเงินทุนในระหว่างเดือนเม.ย.-มิ.ย.ขยับตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 24% จากระดับ 25% ส่วนบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มการลงทุนในปีหน้านั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 44% จากระดับ 41% ในผลสำรวจเมื่อเดือนเม.ย.
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดหนึ่งที่อาจเป็นอุปสรรคกีดขวางการใช้จ่ายและการขยายตัวของธุรกิจคือปัญหาหนี้ยุโรป ซึ่ง 35% ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่า วิกฤตการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบในแง่ลบต่อการดำเนินธุรกิจ