Analysis: เจาะเบื้องหลังบีโอเจใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน คาดเป็นการแทรกแซงตลาดอีกรูปแบบหนึ่ง

ข่าวต่างประเทศ Wednesday October 6, 2010 13:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) พยายามยับยั้งการแข็งค่าของเงินเยนเมื่อวานนี้ ด้วยการประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งบีโอเจเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

ในขณะที่การแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราของบีโอเจอย่างต่อเนื่องนั้น ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประเทศต่างๆ ขณะที่นักวิเคราะห์กลับมองว่ามาตรการผ่อนคลายทางการเงินครั้งใหม่ของบีโอเจ ซึ่งรวมถึงการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นการชั่วคราวนั้น อาจเป็นกลไกการแทรกแซงตลาดในอีกรูปแบบหนึ่ง

หลังจากการประชุมระยะเวลา 2 วันเสร็จสิ้นลงไปเมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) คณะกรรมการกำหนดนโยบายของบีโอเจมีมติให้ลดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ระดับ 0-0.1% จากระดับเดิมที่ 0.1% ซึ่งหมายความว่าบีโอเจจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดการเงินด้วยการอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถกู้ยืมเงินระหว่างวันด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง

โดยปกติแล้วสภาพคล่องที่สูงขึ้นและกระแสเงินทุนหมุนเวียนรูปสกุลเงินเยนที่เพิ่มขึ้นในระบบจะส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลง จึงทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า การดำเนินการครั้งล่าสุดของบีโอเจพุ่งเป้าไปที่การฉุดเงินเยนให้อ่อนค่าลง และก็เป็นไปตามคาด เพราะเงินเยนอ่อนค่าลงทันทีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินหลักๆ หลังจากบีโอเจประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเมื่อวานนี้

ฮิโรมิชิ ชิรากาว่า หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเครดิต สวิส สาขาโตเกียว กล่าวว่า "การดำเนินการของบีโอเจถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงตลาดในอีกรูปแบบหนึ่ง และการแทรกแซงตลาดไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบีโอเจจะต้องเพิ่มเม็ดเงินในงบดุลบัญชีเพื่อใช้ในการอัดฉีดสภาพคล่อง"

การเข้าแทรกแซงตลาดของทางการญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ด้วยการเทขายสกุลเงินเยนและเข้าซื้อดอลลาร์นั้น ได้จุดชนวนให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของสหรัฐและยุโรปออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า การดำเนินการของญี่ปุ่นอาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินการในฝั่งของกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ต้องการกดดันจีนให้ปล่อยเงินหยวนให้เคลื่อนไหวอย่างมีอิสระ

สำหรับมาตรการฉุกเฉินในด้านอื่นๆนั้น บีโอเจจะจัดตั้งกองทุนมูลค่า 35 ล้านล้านเยนเพื่อเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล และสินทรัพย์เสี่ยงอีกบางประเภท เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้งบดุลของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอีก

การตัดสินใจของบีโอเจมีขึ้นในช่วงเวลาที่มีกระแสคาดการณ์ในตลาดการเงินว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย.นี้

หากเฟดตัดสินใจใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็จะทำให้สกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ทางญี่ปุ่นไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะเงินเยนที่แข็งค่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า บีโอเจมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน โดยมาซามอิชิ อาดาชิ นักเศรษฐศาสตร์จากเจพีมอร์แกน ซิเคียวริตีส์ เจแปน กล่าวว่า มาตรการทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่จะเปิดทางให้บีโอเจสามารถใช้มาตรการผ่อนปรนเพิ่มเติมครั้งต่อไปได้ง่ายขึ้น ส่วนการจัดตั้งกองทุนซื้อพันธบัตรนั้น ก็จะช่วยให้บีโอเจสามารถเพิ่มวงเงินในกองทุนได้อีกหากต้องการที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายมากกว่านี้ในวันข้างหน้า

การลดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0 - 0.1% ของบีโอเจ ทำให้มีการคาดการณ์ในตลาดว่า บีโอเจอาจจะนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณกลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่ประเทศยักษ์ใหญ่รายอื่นๆอย่างอังกฤษและสหรัฐก็เคยนำมาตรการในลักษณะเดียวกันมาใช้ เพื่อกระตุ้นสภาพคล่องในระบบการเงินโดยผ่านการเข้าซื้อสินทรัพย์ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือสกุลเงินของประเทศเหล่านี้อ่อนค่าลงทันที

"ประเทศเหล่านี้ต่างก็ปฏิเสธว่าการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินไม่ได้มีเป้าหมายไปที่อัตราแลกเปลี่ยน แต่ผลที่เกิดขึ้นจากมาตรการดังกล่าวคือทำให้สกุลเงินในประเทศอ่อนแอ ขณะที่บีโอเจเองก็ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินไม่ได้เป็นผลมาจากความเคลื่อนไหวในตลาดปริวรรตเงินตรา" อาดาชิกล่าว

บีโอเจเตรียมแถลงต่อที่ประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่ม G7 เพื่อชี้แจงเหตุผลของการตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินครั้งล่าสุด

โดยรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐ จะเข้าประชุมร่วมกันที่กรุงวอชิงตันในวันศุกร์นี้ ต่อด้วยการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก

บทวิเคราะห์โดย ชินยะ อาจิมะ จากสำนักข่าวเกียวโด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ