นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บมจ.ปตท.เคมีคอล(PTTCH)คาดว่า รายได้ในปี 54 จะเติบโตมากกว่า 10% ทะลุ 1 แสนล้านบาท หลังจากไตรมาส 1/54 ผลประกอบการน่าจะออกมาดีมากเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ทั้ง HDPE และ LDPE ปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
สำหรับราคา HDPE มาอยูที่ 1.4 พันเหรียยญ/ตัน จากปลายปีอยู่ที่ 1.3 พันเหรียญ/ตัน มีสเปรดมาร์จิ้นเทียบแนฟทาที่ 480 เหรียญ/ตัน ซึ่งถือว่าสูงมาก ส่วน LDPE ราคาสูงถึง 1.7 พันเหรียญ/ตัน จากปลายปีก่อนอยู่ที่ 1.34 พันเหรียญ/ตัน สเปรดอยู่ที่ 200 เหรียญ/ตัน เนื่องจากกำลังผลิตใหม่ที่เคยคาดการณ์ว่าจะเข้ามาในตลาดยังคงล่าช้ากว่าแผน รวมถึงกำลังการผลิตบางส่วนหายไปจากภัยพิบัติในญี่ปุ่น และปัญหาความรุนแรงในตะวันออกกลางและอาฟริกาเหนือ ทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น
นายปฎิภาณ กล่าวว่า ราคาผลิตภัณฑ์ในช่วงต้นปียังคงดีขึ้น และดีกว่าปีก่อน จากที่เราเคยคาดว่าปีนี้จะเข้าสู่จุดต่ำสุด แต่อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องรอดูสถานการณ์ไตรมาส 2/54 และไตรมาส 3/54 ว่าจะมีซัพพลายใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดตามที่คาดการณ์กันหรือไม่ โดยปีนี้คาดว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เข้าตลาดโลกประมาณ 5 ล้านตัน
"ไตรมาส 2 และ 3 ยังคงประเมินสถานการณ์ยากว่าราคาผลิตภัณฑ์ยังจะดีอย่างนี้ต่อไปหรือเปล่า ทั้งปียังคงเป้าหมายสเปรด HDPE ไม่เกิน 500 เหรียญต่อตัน"นายปฏิภาณ กล่าว
นายปฏิภาณ กล่าวว่า ปีนี้บีริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเกิน 1 แสนล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 9 หมื่นล้านบาท โดยรายได้ปีนี้น่าจะทะลุ แสนล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีกำลังการผลิตใหม่ LDPE 1 ล้านตันที่เริ่มเดินเครื่องไปเมื่อต้นเดือน ก.พ.และยังมีกำลังการผลิตโรงแครกเกอร์ 1 ล้านตัน ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีกำลังการผลิตถึง 90% หลังจากที่โรงแยกก๊าซฯ6 เดินเครื่องเต็มที่
แต่อย่างไรก็ตาม ตามแผนการปิดซ่อมบำรุงโรงแครกเกอร์ 1 ล้านตันตจะเดินเครื่องครบ 1 ปีจะต้องปิดซ่อมบำรุง 40 วันในช่วงไตรมาส 3/54 และในช่วงปลายปีจะมีการปิดซ่อมบำรุงโรง IC 2 อีก 30-40 วัน แต่ได้รวมไว้ในประมาณรายได้แล้ว