ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี
ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 95.63 จุด หรือ 1.64% ปิดที่ 5,915.55 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งแข็งแกร่งสุด หลังราคาทองแดงปรับตัวสูง จากมุมมองที่ว่าแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นในสหรัฐจะช่วยให้อุปสงค์โลหะเพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่อย่าง ริโอ ทินโต บวก 6.6% และ บีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 6% ขณะที่อังโกล อเมริกัน พุ่ง 9.2% เอ็กซ์สตราตา ไต่ขึ้น 6.8% อันโตฟากัสตาพุ่ง 7.8%
ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยบาร์เคลย์ที่พุ่งขึ้น 5.1% เอชเอสบีซีสูงขึ้น 2.9% และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด บวก 3.8%
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25 % ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวันพฤหัสบดี พร้อมขยายระยะเวลาการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษออกไปจนถึงกลางปี 2558 จากเดิมที่กำหนดไว้ถึงช่วงกลางปี 2557 นอกจากนี้ เฟดยังได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของเฟดมีขึ้นหลังจากที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดได้แรงหนุนจากมาตรการของเฟด ประกอบกับสัญญาณความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตหนี้ในยูโรโซน หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนแบบไม่จำกัดจำนวน ด้วยเป้าหมายที่จะฉุดต้นทุนการกู้ยืมของประเทศต่างๆในยูโรโซนให้ลดลง และศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีอนุมัติการให้สัตยาบันรับรองกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM)
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐยิ่งกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคัก โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนก.ย.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 79.2 จากระดับ 74.3 ในเดือนก่อนหน้านี้ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 74
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยในวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.9% ทำสถิติพุ่งต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 0.6-0.7% เพราะได้รับอานิสงส์จากยอดขายน้ำมันและยานยนต์ที่พุ่งสูงขึ้น