บลจ.กรุงไทย ออก 2 กองทุนตราสารหนี้ อายุ 6 เดือน ผลตอบแทน 2.95-3.10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 18, 2012 12:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนประเภทตราสารหนี้ให้ลูกค้าเลือกลงทุนตามความเหมาะสม ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 52 ( KTSUPB52 ) เสนอขาย 19 - 26 กันยายน 2555 อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท

กองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วยเงินฝาก Bank of China สาขามาเก๊า และเงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank ในสัดส่วน 44% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารในประเทศ ได้แก่ เงินฝาก / ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย/ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.10% ต่อปี

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน 6(KTSIV6M6)เป็นกองทุนประเภท Roll Over อายุ 6 เดือน เสนอขายรอบใหม่ในวันที่ 17 -21 กันยายนนี้ เน้นลงทุนในเงินฝากของ ธนาคารออมสิน และ ธนาคารธนชาต ในสัดส่วน 40 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.95%ต่อปี

สำหรับภาวะการลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงสำหรับตราสาระยะกลางถึงยาว ขณะที่ตราสารระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ค่อนข้างทรงตัว โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากแรงขายทำกำไรหลังจากข้อมูลปริมาณพันธบัตรที่จะออกจำหน่ายได้ในปีงบประมาณ 2556 เผยแพร่สู่สาธารณะ ประกอบกับทิศทางของตราสารหนี้ในต่างประเทศที่มีการปรับตัวขึ้นหลังจากคณะกรรมการกลางยุโรป และสหรัฐอเมริกา ประกาศมาตรการผ่อนคลายการเงินผ่านการซื้อพันธบัตรและหลักทรัพย์ที่มีหลักทรัพย์จำนองหนุนหลัง (MBS) ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาการณ์ และบางส่วนเริ่มกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อในระยะยาว ทิศทางดังกล่าวจะมีทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนมีความลาดชันเพิ่มขึ้น

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในต่างประเทศได้รับอิทธิพลจากการแกว่งตัวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร และสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ โดยเป็นผลพวงจากการคาดกาณ์สภาพคล่องทางการเงินระหว่างประเทศที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต และมีผลให้ต้นทุนการกู้ยืมดอลลาร์ปรับลดลง ดังนั้น ค่าดอลล่าร์พรีเมี่ยมที่เกิดจากการทำสวอปข้ามสกุลเงินระหว่างบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ ยังทรงตัวในระดับสูง และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารต่างประเทศภายหลังการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับการลงทุนในประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ