นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวปาฐกถาเรื่อง โอกาสและความท้าทายของประเทศไทยจากการพัฒนาของประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) ว่า ประเทศไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงตลาดทุนของกลุ่มประเทศ GMS เนื่องจากกกลุ่มประเทศดังกล่าวมีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตสูง
ขณะที่ ก.ล.ต.ได้สร้างรูปแบบและ เครื่องมือการลงทุน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนในกลุ่มประเทศนี้ มี 5 รูปแบบ ประกอบด้วย การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) กองทุนร่วมเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) การตั้ง Holding Company จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กองทุนเพื่อการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity Fund) และ การแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์ (Securityzation)
"ตอนนี้ก็มีกลุ่มพลังงาน ที่จะมีการตั้งเป็น Holding company ซึ่ง 1 ก.ย.ที่ผ่นมา ก็มีการออกกฎเกณฑ์มาแล้ว รวมถึง Private Equity Fund นำไปสู่การลงทุนของภาครัฐและเอกชน หรือ กอง REIT ที่จะมีการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ สร้างโรงแรม โฮมสเตย์" นายวรพล กล่าวทั้งนี้ เครื่องมือในการระดมทุนต่างๆ พร้อมส่งเสริมการเติบโตและพัฒนาของกลุ่มประเทส GMS ขณะที่ประเทศไทยก็มีส่วนสำคัญและมีความร่วมมือกับ GMS ในหลายด้าน เช่น ความร่วมมือกับ ก.ล.ต.เวียดนาม ลาว กัมพูชา มีการแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ ส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนไทยที่มีศักยภาพ เข้ามจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อช่องทางการระดมทุนให้บริษัทจดทะเบียนไทย
นอกจากนี้ ก.ล.ต.ยังมีความร่วมมือกับเมืองคุนหมิงของจีน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจภูมิภาค เพราะคุนหมิงถือเป็น Financial Hub ด้านการค้า การลงทุน เศรษฐกิจ ของภาคใต้ตอนล่างของจีน
"ความพร้อมดังกล่าวสามารถเป็นพื้นฐานของตลาดทุน ที่จะร่วมมือกับ GMS และมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของภูมิภาค" นายวรพล กล่าวนายวรพล กล่าวว่า ขณะนี้มีธุรกิจแสดงความสนใจที่จะจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งอีก 1 ราย ในธุรกิจโรงไฟฟ้า หลังจาก ก.ล.ต.ได้กำหนดหลักเกณฑ์เมื่อ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้ธุรกิจไทยที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศสามารถจัดตั้งโฮลดิ้งเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยไม่จำเป็นต้องไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศที่อาจจะต้องใช้เวลามากกว่า และในระยะต่อไปเชื่อว่ากลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะแสดงความสนใจที่จะจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งเช่นกัน
ส่วนการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ขณะนี้มีบริษัทจดทะเบียน 1 รายได้ยื่นไฟลิ่งกับ ก.ล.ต.แล้ว และคาดหวังว่าจะจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานแรกได้ในปลายปี 55 แต่ยอมรับว่าการอนุมัติการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวต้องใช้เวลา เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีความซับซ้อน มีรายละเอียดและขั้นตอนในหลายๆด้าน ทั้งด้านภาษี การทำสัญญาโอนทรัพย์สิน ดังนั้นจึงต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกัน ก.ล.ต.ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการย่อย 4 คณะร่วมกับกระทรวงคมนาคม เพื่อวางแนวทางการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐเพื่อการพัฒนาใน 4 ด้านสำคัญต่อระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ได้แก่ ระบบราง ทางถนน ทางอากาศและทางน้ำ อย่างไรก็ตาม การหารือกับก.คมนาคมดังกล่าวยังไม่ได้มีการหารือถึงโครงการที่ลงทุนรวมถึงวงเงินที่ต้องการระดมทุน เพียงแต่เป็นการหารือแนวทางและวิธีการระดมทุน
สำหรับการจัดตั้งกอง REIT ก.ล.ต.เตรียมประกาศหลักเกณฑ์ได้ในไตรมาส 4/55 เพื่อเป็นเครื่องมือระดมทุนสำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งหลักเกณฑ์เบื้องต้นกองทุนนี้สามารถก่อหนี้ได้ 60% และลงทุนทรัพย์สินที่ก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ 10%