ทริสฯ ลดเครดิตองค์กร BTSC แต่เพิ่มเครดิตหุ้นกู้เป็น AA- แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 17, 2013 16:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ(BTSC) เป็นระดับ “A-" จาก “A" สะท้อนถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทที่ลดลงหลังจากบริษัทขายรายได้ค่าโดยสารสุทธิในอนาคตจากระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส) ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (กองทุนรวมบีทีเอสโกรท) โดยกระแสเงินสดของบริษัทในอนาคตจะมาจากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าและรายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาซึ่งดำเนินการโดย บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย(VGI)

การปรับลดอันดับเครดิตในครั้งนี้ยังเป็นการยกเลิก “เครดิตพินิจ"แนวโน้ม “Negative" หรือ “ลบ" ที่ให้ไว้แก่อันดับเครดิตของบริษัทเมื่อวันที่ 14 พ.ย.55 หลังที่ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS) ได้ประกาศขายรายได้ค่าโดยสารสุทธิจากระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานด้วย

ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทเป็นระดับ “AA-" จาก “A" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" เนื่องจากบริษัทมีการจัดเตรียมหลักทรัพย์ไว้สำหรับใช้ค้ำประกันหุ้นกู้คงค้างทั้งหมด โดยในวันจัดตั้งกองทุนรวมบีทีเอสโกรท หุ้นกู้ที่เหลือของบริษัทจะได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา(ได้รับอันดับเครดิตระดับ “AA-" จากทริสเรทติ้ง)

ทั้งนี้ บริษัทได้สำรองเงินสดสำหรับไถ่ถอนหุ้นกู้ไว้เต็มจำนวนเพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับวงเงินค้ำประกันที่จะได้รับจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาโดยบริษัทจะใช้วงเงินค้ำประกันดังกล่าวในการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยหุ้นกู้ตามกำหนดเวลา การปรับเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าว ถือเป็นการยกเลิก “เครดิตพินิจ" แนวโน้ม “Developing" หรือ “ไม่ชัดเจน" ที่ให้ไว้แก่อันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทเมื่อวันที่ 14 พ.ย.55 เนื่องจากบริษัทมีความตั้งใจที่จะให้หลักทรัพย์ค้ำประกันแก่หุ้นกู้ดังกล่าว

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะรักษามาตรฐานการให้บริการที่ดีในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสและสามารถสร้างกระแสเงินสดจากธุรกิจสื่อโฆษณาต่อไป โดยที่การลงทุนในอนาคตควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อมิให้มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินและสภาพคล่องของบริษัท

BTSC ได้รับการควบรวมกิจการโดย BTS ในเดือน พ.ค.53 โดย ณ เดือน ธ.ค.53 บีทีเอส กรุ๊ป มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทจำนวน 97.46% บริษัทเป็นบริษัทย่อยรายสำคัญของ BTS ที่สร้างกระแสเงินสดและนำส่งกำไรให้แก่กลุ่มมาโดยตลอด ในอนาคต เงินสดที่ได้จากการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกของกองทุนรวมบีทีเอสโกรทและความเชี่ยวชาญในการให้บริการขนส่งระบบรางจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับ BTS ในการเข้าร่วมประมูลโครงการอื่น ๆ ต่อไป ดังนั้น สถานะเครดิตของบริษัทและ BTS จึงมีความเกี่ยวข้องกัน

บริษัทก่อตั้งในปี 35 โดยเป็นผู้ก่อสร้างและดำเนินการระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสภายใต้สัมปทาน 30 ปีจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ภายใต้ข้อกำหนดในสัญญาสัมปทาน บริษัทได้รับสิทธิในการจัดเก็บรายได้ค่าโดยสารรวมทั้งการให้เช่าพื้นที่และการโฆษณาในสถานีรถไฟฟ้า (ยกเว้นในส่วนต่อขยาย) โดยบริษัทได้กำหนดให้ VGI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเป็นผู้ดำเนินการ นอกจากนี้ VGI ยังได้ขยายการให้บริการสู่ช่องทางธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Retail Trade) และ Hypermarket ด้วย

บริษัทยังได้ลงนามในสัญญากับ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ กทม. เพื่อให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอสและโครงการรถเมล์ด่วนของกรุงเทพมหานคร (Bangkok BRT) อีกด้วย ในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 56 (เม.ย.-ธ.ค.55) รายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจรถไฟฟ้าในสัดส่วน 55% ธุรกิจให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา 12% และธุรกิจสื่อโฆษณา 33%

ก่อนการจัดตั้งกองทุนรวมบีทีเอสโกรท บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจากการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ มีสภาพคล่องที่เพียงพอ และมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแรง โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นจาก 2,895 ล้านบาทในปีบัญชี 54 เป็น 4,401 ล้านบาทในปีบัญชี 55 และอยู่ที่ระดับ 3,828 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2556

นับจากปีบัญชี 57 เป็นต้นไป รายได้ค่าโดยสารสุทธิจากระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสสายหลักตามอายุสัมปทานที่เหลืออีก 17 ปีจะถูกโอนเข้ากองทุนรวมบีทีเอสโกรทและรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะมาจากธุรกิจให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาและจากธุรกิจสื่อโฆษณา ซึ่งคาดว่าหลังจากปีบัญชี 56 EBITDA จะปรับลดลงจากระดับ 5,000 ล้านบาทสู่ระดับ 2,200-2,500 ล้านบาท

สัดส่วน EBITDA จากธุรกิจรถไฟฟ้า (รวมการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา) จะปรับลดลงจาก 70% ของ EBITDA รวมเหลือ 25% ในขณะที่สัดส่วน EBITDA จากธุรกิจสื่อโฆษณาจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 70% ซึ่งจะเป็นสัดส่วนสำคัญต่อไปในอนาคต VGI มีศักยภาพในการเติบโตจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสและการขยายธุรกิจโฆษณาผ่านช่องทางธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่และ Hypermarket

ทั้งนี้ คาดว่า VGI จะมีกระแสเงินสดที่เติบโตต่อไปแต่เป็นธุรกิจที่มีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินและภาวะทางเศรษฐกิจมากกว่าการให้บริการรถไฟฟ้า ส่วนธุรกิจให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษานั้นมีกระแสเงินสดอยู่ในระดับสม่ำเสมอ สภาพคล่องของบริษัทจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากเนื่องจากบริษัทจะมีเงินสดคงเหลือจำนวนมากหลังการจัดตั้งกองทุนรวมบีทีเอสโกรทและจะทำให้บริษัทปลอดภาระหนี้ บริษัทจะนำเงินสำรองที่เหลือจากการค้ำประกันหุ้นกู้ไปให้ BTS ลงทุนจำนวน 33.3% ในกองทุนรวมบีทีเอสโกรท บางส่วนจะนำไปใช้จ่ายเงินปันผล และที่เหลือจะสำรองไว้สำหรับการลงทุนในระบบขนส่งมวลชนโครงการใหม่ ซึ่งจะเป็นฐานทุนที่สำคัญให้แก่บริษัทและ BTS เพื่อรองรับการลงทุนตามแผนในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ