ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง"วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์"ขาย IPO 88 ล้านหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 10, 2013 11:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการนำ บมจ.วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)และแบบคำขอเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 88 ล้านหุ้น คิดเป็น 22% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ล่าสุด ก.ล.ต.ได้เริ่มนับหนึ่งแบบไฟลิ่งของบริษัทแล้ว

หลังจากได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้น ทาง บล.ธนชาต จะกำหนดวันเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป และคาดว่า จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในไตรมาส 4/56 หากภาวะตลาดหุ้นเอื้ออำนวย

ทั้งนี้ บมจ.วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ ดำเนินธุรกิจนำเข้า ผลิต และจัดจำหน่ายวัตถุดิบ ส่วนผสมและเคมีภัณฑ์อาหารที่ใช้ในการแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหาร และเบเกอรี่อย่างครบวงจร จากทั่วทุกมุมโลก ภายใต้ตราสินค้าชั้นนำระดับโลก (Global Brand) และภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ รวมทั้งเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อบริโภค ภายใต้ตราสินค้าชั้นนำระดับโลกอีกด้วย โดยบริษัทฯ มีสินค้าที่จัดจำหน่ายหลากหลายมากกว่า 500 รายการ ซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัทฯ จะนำเข้าจากผู้ผลิตในต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมัน ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์ เป็นต้น

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจัดจำหน่าย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทวัตถุดิบ ส่วนผสมและเคมีภัณฑ์อาหารเพื่ออุตสาหกรรม (Industry Products) จำแนกเป็น (1) วัตถุดิบและส่วนผสมที่ใช้ในการแปรรูปอาหาร (Food Ingredient) ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์กลุ่มแป้ง กลุ่มโกโก้ ผลิตภัณฑ์ไข่ผง ผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำตาล สารให้ความหวาน สารปรุงแต่งรสชาติอาหาร และเครื่องเทศ

และ (2) สารเติมแต่งและสารเสริมคุณสมบัติอาหาร (Food Additive) เช่น สารให้ความคงตัว สารให้ความเหนียว สารที่ทำให้เกิดเจล สารที่ทำให้เกิดการขึ้นฟู วัตถุกันเสีย และสารเติมแต่งอื่นๆ ขณะที่อีกกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อบริโภค (Consumer Products) ได้แก่ วัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เพื่อประกอบอาหารและเบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว และผลไม้และเครื่องดื่ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ

บริษัทมีคลังสินค้าสำหรับเก็บสินค้าเพื่อจำหน่ายจำนวน 2 แห่ง บนถนนบางนา-ตราด พื้นที่ใช้สอยประมาณ 4,400 ตารางเมตร ซึ่งเป็นคลังสินค้าที่ใช้จัดเก็บสินค้าทั่วไปและคลังสินค้าประเภทควบคุมอุณหภูมิและความชื้น นอกจากนี้ ยังมีโรงงานที่ใช้ในการดำเนินการผลิตสินค้าเพื่อจัดจำหน่าย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน พื้นที่รวมประมาณ 5 ไร่ ซึ่งใช้ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ได้แก่ น้ำตาลไอซิ่ง น้ำตาลเคลือบ น้ำตาลที่ใช้ในอุตสาหกรรม รวมถึงสารเติมแต่งอาหาร สารเสริมสร้างคุณสมบัติของอาหารและสารผสม

ด้านนายเจน วองอิสริยะกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร ที่มีประสบการณ์ยาวนานถึง 30 ปี นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทเมื่อปี 26 จนถึงปัจจุบัน โดยผลิตภัณฑ์ที่จัดหน่ายมีความหลากหลายตั้งแต่วัตถุดิบ ส่วนผสม เคมีภัณฑ์อาหาร สารปรุงแต่ง เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในการแปรรูปอาหาร จนถึงผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อบริโภคปลายทาง ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมตั้งแต่ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ ลูกค้ากลุ่มโรงงานแปรรูปอาหารและเบเกอรี่ (Industry) ทั้งภาครัฐและเอกชน กลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการทางด้านอาหาร (Food service/HoReCa) ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ภัตตาคาร สายการบิน หรือผู้ประกอบการธุรกิจให้บริการอาหาร (Catering) และกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคทั่วไป (Consumer)

“เรามีสินค้าที่หลากหลายมากกว่า 500 รายการ เป็นสินค้าตั้งแต่ต้นทางสำหรับการผลิต ไปจนถึงสินค้าปลายทางเพื่อการบริโภค นอกจากผลิตภัณฑ์นำเข้าของเราจะเป็นสินค้าที่มาจากแหล่งกำเนิดที่ดีที่สุด เป็นตราสินค้าที่มีชื่อเสียง มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับของลูกค้า เรายังทีมพนักงานขายที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีอาหารเพื่อให้คำปรึกษาด้านเทคนิคเกี่ยวกับการใช้สินค้าโดยเฉพาะ ขณะที่สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ ก็เป็นสินค้าที่มีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งจากประสบการณ์ในธุรกิจที่ยาวนานกว่า 30 ปี ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี

โดยในปี 2555 เรามีลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมและลูกค้าผู้ให้บริการทางด้านอาหารมากกว่า 1,500 ราย รวมถึงช่องทางค้าปลีกมากกว่า 1,600 แห่ง และมีการเติบโตของรายได้จากการขายอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้เรามีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ซึ่งถือเป็นหนึ่งก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการที่จะเติบโตต่อไปอย่างมั่นคง" นายเจน กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ