การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีมีการเคลื่อนไหวในแดนบวก แต่จะเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,357.44 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,336.79 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 177 หลักทรัพย์ ลดลง 530 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 167 หลักทรัพย์
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแรงเทขายออกมา จากปัจจัยทางการเมืองที่ยังกดดันอยู่ เนื่องจากยังหาข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้ และยังมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
"ในช่วงบ่ายก็มีแรงเทขายออกมา หลัก ๆ มาจากปัจจัยทางการเมืองที่กดดันหุ้นไทย ดูแล้วต่างชาติยังคงขายต่อ ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยใกล้สิ้นปี...จากปัจจัยการเมืองที่อาจจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและกำไรของบริษัท จากที่ปัจจัยทางการเมืองยังคงคลุมเครือระหว่างการเจรจาของภาครัฐและฝั่งผู้ชุมนุมกปปส. ซึ่งบางคนดูแล้วยังไม่ขัดเจนก็มีแรงเทขายออกมา"นายธนเดช กล่าว
สำหรับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก โดยปัจจัยจากต่างประเทศก็ยังคงให้ความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจจะเริ่มปรับลดขนาด QE
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายธนเดช กล่าวว่า ยังต้องติดตามปัจจัยทางการเมืองเรื่องการเจรจาที่จะใช้เวทีเพื่อหาทางออกระหว่างภาครัฐกับผู้ชุมนุมว่าจะออกมาในรูปแบบใด ซึ่งนักลงทุนกังวลว่าหากไม่มีการเลือกตั้งจะกระทบต่อการบริหารจัดการประเทศและมาตรการทางเศรษฐกิจ รวมถึงยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับลดขนาด QE
อย่างไรก็ดี มองว่าแนวโน้มหุ้นไทยค่อนข้าง Underperform ซึ่งจะปรับตัวลงมากกว่าภูมิภาค โดยโอกาสที่จะมีการปรับตัวขึ้นจะเป็นในลักษณะเทคนิคเคิลรีบาวน์มากกว่า พร้อมให้แนวรับ 1,300 จุด และแนวต้าน 1,360 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,040.43 ล้านบาท ปิดที่ 209.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,959.37 ล้านบาท ปิดที่ 7.35 บาท ลดลง 0.15 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,544.85 ล้านบาท ปิดที่ 167.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,539.10 ล้านบาท ปิดที่ 73.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,412.20 ล้านบาท ปิดที่ 293.00 บาท ลดลง 4.00 บาท