(เพิ่มเติม) AP เตรียมเปิดโครงการร่วมทุนญี่ปุ่น 3-4 โครงการในปี 58

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 23, 2014 13:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) เปิดเผยว่า เอพี-มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป พร้อมต่อยอดองค์ความรู้จากการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมที่โดดเด่นในปี 58 อีกราว 3-4 โครงการ จากที่วันนี้ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ ซึ่งเป็นโครงการที่มีการร่วมทุนกับบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย ชื่อโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ มูลค่าโครงการ 3.3 พันล้านบาท จำนวน 1,219 ยูนิต ขนาดห้องตั้งแต่ 23.5-46 ตารางเมตร โดยโครงการนี้มีทำเลติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ตลาดพลูเพียง 1 ก้าว ใกล้เดอะมอลล์ ท่าพระ ราคาเริ่มต้นที่ 1.98 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายของโครงการนี้ไว้ที่ 40% หรือราว 1.32 พันล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมอีกจำนวน 2 โครงการที่เลื่อนเปิดจากปีนี้ไปเป็นในช่วงปี 58 มูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านบาท

สำหรับยอดขายในปีนี้ บริษัทยังมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท โดยยอดขายถึง ณ วันที่ 15 ก.ย. 57 อยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้แนวโน้มของภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังมีการฟื้นตัวขึ้น จากสถานการณ์ทางการเมืองกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำลังซื้อเริ่มกลับมา

"ยอดขายยังทำได้ตามเป้า 2.1 หมื่นล้านบาท แน่นอน เพราะว่าภาพรวมต่างๆก็ดีขึ้น และในเดือนตุลาคมเราก็จะมี Big Event ที่สยามพารากอน เราก็จะนำ 8 โครการของ AP มูลค่าที่เหลือขายราวๆ 1.5 หมื่นล้านบาทไปขาย ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของการที่จะช่วยเพิ่มยอดขายของเราให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ นอกจากนี้เราก็ยังมีโครงการที่ยังมีการขายอยู่อีกราว 60 โครงการ มูลค่าคงเหลือราว 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็ทำยอดขายได้สัปดาห์ละ 300 ล้านบาท"นายวิทการ กล่าว

นอกจากนี้ ในไตรมาส 4/57 บริษัทยังเตรียมเปิดโครงการใหม่ จำนวน 2 โครงการ เป็นโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ มูลค่ารวม 2.12 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตามบริษัทได้ลดการเปิดโครงการในปี 57 ลงเหลือ 17 โครงการ มูลค่ารวม 2.31 หมื่นล้านบาท จากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 19 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งอีก 2 โครงการเป็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้งสอง จะเลื่อนเปิดไปเป็นในช่วงปี 58

นายวิทการ กล่าวถึงรายได้ในปีนี้บริษัทยังคงเป้าไว้ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท โดยจะมีการรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) ในครึ่งปีหลังราว 1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น Backlog โครงการแนวสูง 5.9 พันล้านบาท และโครงารแนวราบ 5.2 พันล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมี Backlog ในปัจจุบันอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท ในครึ่งปีแรกมีการรับรู้รายได้ไปแล้ว 9.3 พันล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ