ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ TK ที่ "A-" แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 30, 2014 13:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน (TK165A TK167A และ TK173A) ของ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ที่ได้รับการยอมรับในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ตลอดจนความสามารถในการดำรงสถานะผู้นำตลาด การมีตลาดที่กระจายตัวทางภูมิศาสตร์ผ่านเครือข่ายสาขาที่กว้างขวาง รวมถึงโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังคงมีข้อจำกัดจากความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของธุรกิจซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลักเพียงประเภทเดียวคือสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รวมถึงการมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความอ่อนไหวต่อการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ รวมถึงการมีเครือข่ายสาขาที่กว้างขวางจะช่วยให้บริษัทสามารถดำรงสถานะผู้นำตลาดและมีผลประกอบการทางการเงินที่ค่อนข้างแข็งแกร่งต่อไปได้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะฟื้นตัวภายในปี 2558 นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาระดับฐานทุนที่แข็งแกร่งในปัจจุบันเอาไว้เพื่อช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจและจากบรรยากาศการแข่งขัน โดยที่ระดับฐานทุนที่แข็งแกร่งยังมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคตด้วย

สินเชื่อของ TK เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 5.7% ในปี 2556 เป็น 9,624 ล้านบาท จาก 9,109 ล้านบาทในปี 2555 อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 สินเชื่อหดตัวลง 4.4% จากสิ้นปี 2556 โดยมียอดคงค้างอยู่ที่ 9,203 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2556 สินเชื่อรถจักรยานยนต์คิดเป็น 86% ของสินเชื่อรวม ในขณะที่อีก 14% เป็นสินเชื่อรถยนต์

บริษัทสามารถดำรงสถานะความเป็นผู้นำตลาดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากว่า 30 ปีเมื่อพิจารณาจากจำนวนบัญชีสินเชื่อใหม่ อีกทั้งบริษัทยังมีการกระจายฐานการตลาดในทางภูมิศาสตร์ที่เหนือกว่าคู่แข่งโดยให้บริการผ่านสาขาที่ครอบคลุม 53 จังหวัดทั่วประเทศอีกด้วย เครือข่ายสาขาที่แข็งแกร่งส่งผลให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ซึ่งมักเน้นเฉพาะลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้ คณะผู้บริหารและพนักงานที่มีประสบการณ์ยาวนาน ตลอดจนเครือข่ายสาขาที่กว้างขวาง และระบบการบริหารงานและการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสนับสนุนความพยายามของบริษัทที่จะดำรงสถานะผู้นำตลาดเอาไว้ให้ได้

คุณภาพสินเชื่อโดยรวมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในปี 2555 หลังจากที่ผลประกอบการทางการเงินได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2554 เช่นเดียวกับผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์รายอื่น ๆ อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับลดลงเป็น 3.6% ของสินเชื่อรวมในปี 2555 จาก 4.3% ณ สิ้นปี 2554 อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 ผลจากการแข่งขันที่รุนแรงในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลทำให้บริษัทต้องดำเนินนโยบายพิจารณาสินเชื่อในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อรักษาสถานะทางการตลาดไว้ นอกจากนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจและความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองที่ยืดเยื้อยังส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ของบริษัทด้วย ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 4.4% ณ สิ้นปี 2556 และ 5.3% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 แม้ว่าจะมีความกังวลต่อคุณภาพสินเชื่อ แต่ทริสเรทติ้งก็เชื่อว่าบริษัทจะสามารถควบคุมและปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อให้ดีขึ้นได้โดยอาศัยประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์

การนำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกวางจำหน่ายอย่างต่อเนื่องในปี 2556 รวมถึงการลดลงของอุปสงค์ที่มีต่อรถจักรยานยนต์มือสองเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงเดียวกันได้ส่งผลกดดันให้ราคารถจักรยานยนต์มือสองลดต่ำลง ทำให้ผลขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์ยึดคืนของผู้ประกอบการส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 52.4% ในปี 2556 จาก 47.2% ในปี 2555 โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 อัตราส่วนดังกล่าวปรับลดลงเล็กน้อยเป็น 52.1% แม้ว่าต้นทุนการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็ยังคงสามารถจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ยึดคืนในราคาที่สูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นเนื่องจากบริษัทมีศูนย์ปรับสภาพรถเป็นของตนเองก่อนที่จะนำออกประมูล

จากปัจจัยลบต่าง ๆ ในปี 2556 ต่อเนื่องถึงปี 2557 ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทลดลงค่อนข้างมาก โดยลดลงเหลือ 429 ล้านบาทในปี 2556 และ 75 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2557 จาก 712 ล้านบาทในปี 2555 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยก็ปรับลดลงเช่นกัน โดยลดลงเป็น 4.3% ในปี 2556 และ 0.8% (ไม่ได้ปรับเป็นตัวเลขเต็มปี) ในครึ่งแรกของปี 2557 จาก 7.8% ในปี 2555 ในอนาคต ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากคุณภาพลูกหนี้และค่าใช้จ่ายดำเนินงานได้ ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฟื้นตัวขึ้นไปอยู่ในระดับที่น่าพอใจเหมือนในช่วงที่ผ่านมา

ถึงแม้ว่าสินเชื่อของบริษัทจะชะลอตัวลงเล็กน้อย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 แต่ที่ผ่านมาในช่วงปี 2551-2556 สินเชื่อของบริษัทขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นในอัตราการเติบโตที่ 11.5% อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงรักษาฐานทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งจากการมีกำไรจำนวนมากในช่วงก่อนหน้านี้ โดยอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมปรับลดลงเล็กน้อยจาก 43.1% ในปี 2552 เป็น 39.8% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งนี้เอาไว้ได้ ทั้งนี้ เนื่องจากการมีฐานทุนที่แข็งแกร่งจะมีส่วนช่วยรองรับความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ