(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้นตามตปท. ตอบรับดาวโจนส์พุ่ง-แรงซื้อต่างชาติหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 30, 2015 09:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสดีดตัวขึ้นก่อน ตามทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อวานนี้ หลังจากมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี ขณะที่ยังมีแรงซื้อจากต่างชาติเข้ามาในตลาดหุ้นไทย
อย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีลักษณะของ selective มากขึ้น

พร้อมทั้งคาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาโดยเฉพาะในหุ้นขนาดกลางมากขึ้น โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงพลังงานในกลุ่มหม้อแปลง แต่ก็จะช่วยผลักดันภาพรวมดัชนีได้ไม่มากนัก ขณะที่ยังต้องติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่จะออกมาในวันนี้ด้วย โดยมองแนวต้านวันนี้จะอยู่ที่ 1,598 และ 1,605 และ แนวรับที่ 1,582 และ 1,574 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(29 ม.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,416.85 จุด พุ่งขึ้น 225.48 จุด(+1.31%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,683.41 จุด เพิ่มขึ้น 45.42 จุด (+0.98%) , ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,021.25 จุด เพิ่มขึ้น 19.09 จุด
(+0.95%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 182.52 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 11.45 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 175.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 25.95 จุด ,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.13 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.18 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(29 ม.ค.58) 1,586.40 จุด ลดลง 6.41 จุด(-0.40%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 929.45 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ม.ค.58
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(29 ม.ค.58) ปิดที่ 44.53 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 8 เซนต์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(29 ม.ค.58)ที่ 8.78 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.76/78 แนวโน้มอ่อนค่าสวนทางภูมิภาค มองกรอบ 32.65-32.80
  • วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แถลงตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนธ.ค.57
  • สศค.ประกาศปรับลดประมาณการ จีดีพีปี 58 ลงเหลือ 3.9% จากคาดการณ์เดิม 4.1% หลังประเมินหลากปัจจัยเสี่ยงเข้ามาเร็ว และต้องเกาะติดใกล้ชิด ประกอบด้วย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอ ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย สงครามค่าเงิน แนวโน้มการลดลงของราคาน้ำมัน และราคาสินค้าเกษตร
  • ธปท.เผยช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ตลาดยังมองว่า Fed ขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักและสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของกรีซ สร้างความผันผวนต่อเงินยูโรในช่วงสั้นๆ มั่นใจยุโรปหาทางประนีประนอมได้ พร้อมเตรียมรับมือสถานการณ์ต่างๆ ไว้แล้ว ด้านธปท.จะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
  • สศอ.คาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หรือ MPI ปี 2558 จะเติบโตได้ระดับ 3-4% จากทิศทางการนำเข้าสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้นและจากการใช้อัตรากำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะยังมั่นใจยอดผลิตรถยนต์ปีนี้จะอยู่ระดับ 2.15 ล้านคันเป็นตัวหนุน
  • "ปรีดิยาธร" ลั่นเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศ มั่นใจความสามารถเอกชนไทย เร่งผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล ตั้งเป้าหมาย ปี 2560 ทุกครัวเรือนเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ด้าน "ณรงค์ชัย" ชี้ไทยต้องปรับโครงสร้างใหม่ เพื่อขับเคลื่อนไปข้างหน้า ส่วนภาคเอกชนชี้ยังมีปัญหาแรงงาน-ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ขณะหอการค้าต่างประเทศชี้ทุจริตกฎอัยการศึกยังเป็นอุปสรรคสำคัญนักลงทุนตัดสินใจมาลงทุนไทย
  • การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงานเป็นประธาน จะพิจารณาปรับราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงให้มากขึ้น จากที่ปัจจุบันราคาขายปลีกอยู่ที่ 12.50 บาท/กก. และแม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะลดลง แต่ต้นทุนก๊าซเอ็นจีวี ยังอยู่ในระดับ 14-15 บาท/กก. ปรับลดลงจากเดิม 16 บาท/กก.

*หุ้นเด่นวันนี้

-PTTEP (ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 149 บาท ด้วยปัจจัยดังนี้ (1) PBV อยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า (2) PER อยู่ที่เพียง 8.43 เท่า ต่ำกว่า SET Index ที่ 18 เท่า (3) ราคาสะท้อนประเด็นลบเกี่ยวกับภาวะตลาดน้ำมันดิบที่อ่อนแอไปแล้ว (4) คาดทิศทางราคาน้ำมันดิบจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H58 หลังอัตราการใช้ Rig เริ่มปรับตัวลดลง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ คาดว่าจะใช้เวลาราว 3-6 เดือนในการสะท้อนอุปทานที่อ่อนตัวจากผู้ประกอบการต้นทุนสูง (5) ปี 58 ได้แหล่งซอติก้าหนุนเต็มที่ ซึ่งมีราคาขายสูงกว่าค่าเฉลี่ย สำหรับผลประกอบการ 4Q57 มีผลขาดทุนสุทธิ 2.4 หมื่นล้านบาท หลังบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ 3.3 หมื่นล้าน ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยปรับตัวลดลง 13% QoQ เชื่อบริษัทผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ทั้งนี้ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H57 ที่อัตรา 1.5 บาท (XD 10 ก.พ. 58)

-ADVANC (ธนชาต)"ซื้อ" เป้า 260 บาท โดยมองแผนการขยายธุรกิจของ ADVANC นั้นสมเหตุสมผลเนื่องจากจะสามารถเติบโตไปคู่กับวิถีชีวิตของคน ที่จะเข้าสู่ยุคดิจิตอลมากขึ้น ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้า ADVANC จะต้องใช้ capex จำนวนมาก ส่งผลให้การเติบโตของกำไรไม่น่าตื่นเต้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่งบดุลที่แข็งแกร่งทำให้ไม่เห็นว่าการขยายธุรกิจจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อผลตอบแทนจากเงินปันผล และยังคงเห็น ADVANC เป็นหุ้นปันผลดี

-BCP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 39 บาท มองจุดเด่นระยะสั้นจากแนวโน้มผลประกอบการกลับมาฟื้นตัวในปี 58 และแผนการลงทุนในธุรกิจโซลาร์ฟาร์มประเทศญี่ปุ่นที่คาดว่าจะสามารถสรุปรูปแบบและสัดส่วนการลงทุนในเดือน เม.ย. จุดเด่นระยะยาวมาจากแผนการเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่นภายใต้โครงการ 3E Project ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 61 ช่วยเพิ่มกำลังการกลั่นจาก 120 KBD เป็น 140 KBD ขณะที่แผนการขายหุ้นของ PTT (ถือ 27.2%) คาดว่าไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานและแผนการลงทุนของบริษัทที่ยังคงเน้นการขยายธุรกิจต้นน้ำเพื่อเพิ่มความได้เปรียบด้านวัตถุดิบ และธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อลดความผันผวนของผลประกอบการ

-KTB (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) "ซื้อ"เป้า 27 บาท โดยคาดว่าสินเชื่อปีนี้จะโต 8% (KTB ตั้งเป้าไว้ที่ 6-7%) จากการเติบโตของสินเชื่อ SME ขนาดเล็ก และสินเชื่อบ้าน ขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะโต 9% ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเฉลี่ยที่ 12% เนื่องจากเชื่อว่า KTB จะยังคง credit cost ไว้ในระดับสูงที่ 75bp เพื่อดึง coverage ratio ให้ขยับขึ้นมาเท่ากับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคาร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ