ทั้งนี้ บริษัทเตรียมแผนการล้างขาดทุนสะสมกว่า 1 แสนล้านบาทภายในปีนี้ โดยจะใช้วิธีการการลดมูลค่าที่ตราไว้จาก 20 บาทต่อหุ้น เหลือ 0.50 บาทต่อหุ้น โดยยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อราคาหุ้นอย่างแน่นอน แต่อาจมีผลในเชิงจิตวิทยาบ้าง
"เราคาดว่าแผนดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ และหากล้างขาดทุนสะสมหมดแล้ว และบริษัทมีกำไร เราก็จะมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป"นายยงยุทธ กล่าว
ส่วนเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจดทะเบียนใหม่จากปีที่ผ่านมา วงเงิน 1.85 พันล้านบาทนั้นจะนำไปซื้อที่ดินเพิ่ม 2 แปลง เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ และพัฒนาโครงการเดิมที่มีอยู่ พร้อมดำเนินการล้างขาดทุนสะสมทั้งหมด 100% และเตรียมจ่ายปันผลหากบริษัทมีกำไรในอนาคต อีกทั้งยังสำรองเงินจำนวนหนึ่งไว้ลงทุนในโครงการที่ติดปัญหาเรื่องการเงิน แต่ยังมีศักยภาพสูงในด้านการตลาดมาดำเนินการบริหารจัดการ ขณะเดียวกันบริษัทจะทำการ Rebrand สินค้าทยอยออกสู่ตลาด ซึ่งบริษัทจะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินลงทุน ค่าบริหารโครงการ ค่า Loyalty Fee ค่าการตลาดและการขาย
ในปีนี้บริษัทวางแผนจะพัฒนาโครงการทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ซึ่งจะมีทั้งที่พัฒนาบนที่ดินเดิม และบนที่ดินใหม่ที่โดดเด่นด้านทำเลที่ตั้งและรูปแบบที่แตกต่างจากตลาด รวม 1,600 ยูนิต นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนที่จะขยายการพัฒนาโครงการไปยังหัวเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญๆในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเป็นหลัก โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนารายละเอียดของโครงการ ขณะเดียวกันนอกจากจะพัฒนาโครงการเองแล้ว AQ จะกลับมารับจ้างบริหารโครงการให้กับรายอื่นด้วย
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน(Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่ 901 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้มากกว่า 50% ในปีนี้ และส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ฯไปถึงปี 60
สำหรับ 9 โครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ได้แก่ 1.โครงการ รังสิต บิซ พาร์ค อาคารสำนักงาน+เพ้นท์เฮ้าส์ ขนาดที่ดินใหญ่ถึง 80 ตารางวา 3 ชั้น ติดถนนใหญ่ พหลโยธิน- รังสิต มูลค่าโครงการ ประมาณ 270 ล้านบาท 2. โครงการ เอคิว เอสเตส อโศก คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น เพดาน สูง 3.60 เมตร มูลค่าโครงการ ประมาณ 1,500 ล้านบาท 3. โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้นใกล้สวนหลวง ร.9 มูลค่าโครงการ ประมาณ 1,200 ล้านบาท
4.โครงการทาวน์โฮมรูปแบบใหม่ในเมือง สวนสยาม มูลค่าโครงการ ประมาณ 320 ล้านบาท 5.โครงการอสังหาฯ ขนาดใหญ่กว่า 117 ไร่ มีทั้งบ้าน,รีเทล, คอมมูนิตี้ ตรงข้ามเซ็นทรัล รังสิต มูลค่าโครงการ ประมาณ 2,750 ล้านบาท 6.โครงการบ้าน มูลค่าโครงการ ประมาณ 1,000 ล้านบาท (จังหวัด ชลบุรี ใกล้อมตะนคร) 7.โครงการบ้านติดถนนใหญ่ พหลโยธิน-รังสิต มูลค่าโครงการ 360 ล้านบาท 8. โครงการภูรีศาลา ภูเก็ต Pool Villa หรู อยู่บริเวณหาดสุรินทร์ บางเทา มูลค่าโครงการ 330 ล้านบาท และ 9.โครงการบ้านเดี่ยวดีไซน์โมเดิร์น กลางเมือง ถนนอโศก -พระราม9 มูลค่าโครงการ ประมาณ 490 ล้านบาท
"เมื่อรวมมูลค่าโครงการเดิมและมูลค่าโครงการใหม่แล้วจะทำให้มีมูลค่าโครงการกว่า10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 58 มูลค่า 2,500 ลบ. และเชื่อมั่นว่าภาพรวมธุรกิจในปีนี้จะได้รับการตอบรับที่ดี และประสบความสำเร็จตามเป้าที่คาดไว้ นายยงยุทธ กล่าว
นายยงยุทธ กล่าวว่า บริษัทวางเป้าหมายในระยะ 3 ปีข้างหน้าที่จะทำยอดขายแตะ 5 พันล้านบาท หลังจากจากการปรับปรุงรูปแบบการบริหารจัดการและการทำการตลาด รวมถึงการดูแลโครงการหลังการขาย ทำให้บริษัทได้รบความสนใจจากลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ช่วยผลักดันยอดขายที่ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายมียอดขายสูงขึ้นเป็น 2.5 พันล้านบาท โดยในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.58 ทำยอดขายได้แล้ว 300-400 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่บริษัทเตรียมงบลงทุนซื้อที่ดินในปีนี้ราว 500 ล้านบาทสำหรับใช้ซื้อที่ดิน 2 แปลงรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 59-60 โดยเงินลงทุนดังกล่าวมาจากการเพิ่มทุน 1.85 พันล้านบาท และบริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีความชัดเจนการเข้าร่วมทุนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง-เล็กอย่างน้อย 1 รายที่มีปัญหาเรื่องการเงินและการทำการตลาด แต่มีโครงการที่อยู่บนทำเลที่มีศักยภาพแต่ไม่สามารถขายได้ โดยบริษัทจะร่วมทุนและถือหุ้น พร้อมทั้งช่วยเหลือทางการเงิน คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้มีการเจรจากับผู้ประกอบการหลายแห่งแต่ยังไม่มีข้อสรุป