หุ้น AOT อยู่ที่ 276.00 บาท ลดลง 4.00 บาท(-1.43%)มูลค่าซื้อขาย 442.53 ล้านบาท
หุ้น BA อยูที่ 19.90 บาท ลดลง 0.40 บาท(-1.97%)มูลค่าซื้อขาย 3.18 ล้านบาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯถึงกรณีที่ ICAO ชี้บพ.ทำงานไม่ได้มาตรฐาน ญี่ปุ่นสั่งชะลอเพิ่มเที่ยวบิน ตามมาด้วย จีน-เกาหลีใต้ไม่อนุมัติชาร์เตอร์ไฟลต์ไทยเข้าประเทศ ได้มองผลกระทบเป็นลบ โดยวานนี้ฝ่ายวิจัยฯได้สอบถามไปยัง AOT, BA และ AAV ต่างบอกว่ายังไม่ได้หนังสืออย่างเป็นทางการว่าการบินพลเรือนของจีนว่าได้ห้ามเช่าเหมาลำ อย่างที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ประกาศก่อนหน้านี้ แต่ต้องรอดูว่าในที่สุดจะมีการประกาศเพิ่มหรือไม่
แม้ว่าเรื่องเช่าเหมาลำจะไม่กระทบต่อการบินที่เป็นตารางปกติ ซึ่งเป็นรายได้หลัก แต่ sentiment หากประเทศอื่น ๆ จะประกาศเพิ่มตามมา ย่อมเป็นลบต่อการลงทุนในหลักทรัพย์ ในกรณีที่ผู้เดินทางมีความไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับการให้บริการของสายการบินของไทย ก็อาจจะมีการยกเลิกการเดินทางสำหรับตารางปกติ หรือการใช้บริการในอนาคตก็เปลี่ยนไปใช้คู่แข่งชาติอื่นได้ เพราะความปลอดภัยเป็นหัวใจของการเดินทางอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หลักทรัพย์กลุ่มท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น สนามบิน (AOT) และโรงแรม (MINT, CENTEL) ได้รับผลกระทบน้อยกว่าหลักทรัพย์สายการบิน เพราะมีสายการบินชาติอื่น ๆ ก็ยังสามารถขนส่งนักท่องเที่ยวต่างประเทศมายังไทย และมาใช้บริการหลักทรัพย์เหล่านี้ได้
อย่างไรก็๖าม นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับธุรกิจการบิน มองว่าเป็นผลกระทบแค่ในระยะสั้น หากระดับราคาหุ้นสายการบินปรับตัวลงมาก็เป็นโอกาสที่จะเข้าสะสมเพื่อลงทุน เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยยังเติบโตได้ดี