"ไตรมาส 2 ขึ้นอยู่กับความสามารถลดต้นทุนได้เร็วแค่ไหน เพราะตัวช่วยน้อยลง แต่อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องบันทึกการด้อยค่า"นายจรัมพรกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/58 และไตรมาส 3/58 จะไม่มีการบันทึกการด้อยค่าทรัพย์สิน จากไตรมาส 1/58 ที่บันทึกการด้อยค่าทรัพย์สินเป็นเงิน 1.18 หมื่นล้านบาทสำหรับเครื่องบินแอร์บัส A340-600 จำนวน 6 ลำที่มีอายุ 8-10 ปี แต่จะมีการบันทึกด้อยค่าอีกครั้งในไตรมาส 4/58 สำหรับเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 จำนวน 8 ลำ แต่จะไม่มากเท่าไตรมาสแรกที่ผ่านมา เพราะอายุเครื่องบินสูง 22 ปี
ขณะที่ในไตรมาสแรกที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 4,541 ล้านบาท แม้ว่ามีบันทึกด้อยค่าสูงถึง 1.1 หมื่นล้านบาท แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่จำนวน 9,654 ล้านบาท ทำให้ชดเชยกันแล้วจึงไม่มีผลขาดทุน แต่ก็ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ บริษัทต้องหาวิธีการเพิ่มการทำกำไรให้ดีขึ้น โดยในไตรมาส 1/58 บริษัทมีรายได้รวม 51,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และตั้งเป้าทั้งปีจะมีรายได้รวม 1.8 แสนล้านบาท
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI กล่าวว่า ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานจำนวน 8-9 พันล้านบาท ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายที่ใช้สำหรับโครงการ Early Retire จำนวน 5.5 พันล้านบาท ซึ่งจะเสนอคณะกรรมการบริษัทในเดือนมิ.ย. โดยโครงการนี้ตั้งเป้าหมายจำนวนพนักงาน 1,800 คน
"บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ที่ 1.8 แสนล้านบาท แต่จะกำไรหรือเปล่าขึ้นอยู่กับการตัดค่าใช้จ่ายได้จริงแค่ไหน... ปีนี้ยังpossitive จำนวนผู้โดยสารเข้าประเทศไทยมากโดยเฉพาะน้กท่องเที่ยวจากจีน เติบโตต่อเนื่อง เป็นผลดีต่อการท่องเที่ยว"นายจรัมพรกล่าว
ส่วนแผนการขายเครื่องบินปีนี้ 42 ลำ ขายไปแล้ว 10 ลำ เหลืออยู่ 32 ลำ โดยอยู่เจรจาขายอยู่จำนวน 8 ลำ และรอปลดระวาง 8 ลำในเดือนธ.ค.นี้. นายจรัมพรกล่าวว่า ราคาขายเครื่องบินต้องการขายให้ได้ใกล้เคียงมูลค่าทางบัญชี ก็พอใจแล้ว ไม่ควรขายขาดทุน อย่างไรก็ดี มีเครื่องบินแอร์บัส340-500 จำนวน 4 ลำอายุ 10 ปี ที่ขายยาก
ขณะเดียวกันก็จะมีการรับมอบเครื่องบินใหม่อีก 5 ลำ ได้แก่ เครื่องบินโบอิ้ง 787 จำนวน 1 ลำในเดือนก.ค. เครื่องบินโบอิ้ง 777 จำนวน 2 ลำ รับมอบก.ค.และ ก.ย. และเครื่องบินแอร์บัส320-300 จำนวน 2 ลำ รับมอบ ต.ค.และพ.ย.
ทำให้สิ้นปี 58 การบินไทยมีฝูงบิน จำนวน 89 ลำ จาก ณ สิ้น มี.ค.58 มีจำนวน 93 ลำ