ขณะที่นายนิรันดร์ เชาว์กิตติโสภณ ประธานกรรมการบริหาร HPT เปิดเผยว่า บริษัทจะเซ็นสัญญาแต่งตั้ง บล.ฟิลลิป)ประเทศไทย)ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้นในวันพรุ่งนี้ พร้อมมั่นใจว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาด ma) ได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้ โดยบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด(APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนจำนวน 80 ล้านบาทเพื่อขยายอาคารโรงงาน ซื้อเครื่องจักรเพิ่ม ปรับปรุงสายการผลิตเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 6 ล้านชิ้นต่อปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 3 ล้านชิ้นต่อปี โดยตามแผนงานจะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่องปีละ 20% จนครบ 6 ล้านชิ้นต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 63
นายนิรันดร์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 58 เติบโต 10% จากปี 57 ที่มีรายได้ราว 130 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมียอดขายแล้ว 60 ล้านบาท และเชื่อว่าครึ่งหลังจะทำยอดได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นฤดูกาลขายของธุรกิจ ขณะที่ครึ่งปีแรกโดยเฉพาะในเดือน เม.ย.มีวันหยุดค่อนข้างมาก ประกอบกับ ในช่วงไตรมาส 3/58 บริษัทจะเดินเครื่องเตาเผาที่ 3 ด้วย ซึ่งสัดส่วนรายได้หลักมาจากการส่งออก 99% ขายในประเทศ 1% โดยตลาดหลัก คือ สหรัฐ 54% ยุโรป 29% ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมทั้งตลาดอื่น 14%
ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่าคำสั่งซื้อในมือ (backlog) ทั้งหมดราว 35 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ โดยบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 30% และอัตรากำไรสุทธิ 11% ซึ่งภายหลังหลังจากการระดมทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตแล้ว คาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นควบคู่กับการลดต้นทุนการผลิต ที่ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงสายการผลิตเพื่อลดปริมาณของเสีย ด้วยการเพิ่มเครื่องจักร รวมทั้ง จัดสายการผลิตใหม่ เช่น แยกกลุ่มขึ้นรูป จาน และแก้ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
"ที่ต้องระดมทุนเพิ่มกำลังการผลิตเพราะ 2 ปีมานี้ ออร์เดอร์เข้ามาแต่เราไม่สามารถผลิตได้ทัน ปัจจุบันเดินเครื่องเตาเผนอยู่ 2 เตา จากที่มี 3 เตา โดยไตรมาส 3/58 จะเดินเครื่องเตาที่ 3 เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 10% ซึ่งเตาเผาของเราเป็นเตาสเปคพิเศษ"นายนิรันดร์ กล่าวสำหรับแผนการขยายตลาด นอกจากรักษาฐานตลาดเดิมพร้อมกับเพิ่มจำนวนลูกค้าแล้ว บริษัทยังจะหาตลาดใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม โดยแนวโน้มการเติบโตของตลาดเดิมยังไปได้ดี จากการเก็บตัวเลขพบว่าจะมีโรงแรมเพิ่มขึ้นทุกปี เช่น ในตลาดสหรัฐ มีโรงแรมที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3,500 แห่ง เอเชียแปซิฟิก 2,300 แห่ง ตะวันออกกลาง 600 แห่ง และยุโรป 800 แห่ง เป็นต้น ขณะที่บริษัทมีแผนจะขยายตลาดในอเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง และอาเซียน (AEC) ปัจจุบันส่งออกไปในจำหน่ายใน AEC สัดส่วนราว 0.2% ซึ่งตั้งเป้าเพิ่มเป็น 5%
"จุดเด่นของเราอยู่ที่ดีไซน์การออกแบบสินค้าตรงกับความต้องการใช้ของลูกค้า โดยแบ่งลูกค้าเป็น 3 กลุ่ม คือแบบบางน้ำหนักเบา เหมาะกับร้านอาหารในยุโรป แบบขอบหนาขึ้นกันกระแทก เหมาะกับร้านอาหารที่เป็นบุฟเฟต์ในอเมริกา ซึ่งตรงกับวัฒนธรรมของเขา และแบบจากยาว ถ้วยมีดีไซน์ ซึ่งเรามีผลิตภัณฑ์รองรับการใช้งานทุกประเภท ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ครบ ส่วนคู่แข่งในยุโรปหรืออเมริกามีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าเรา บริษัทจะได้เปรียบด้วยความที่มีขนาดเล็ก มีประสบการณ์ ผ่านวิกฤตการเงินโลกมาแล้ว และผ่านวิกฤตเซรามิก อย่างค่าเงินเราก็มีการทำ forward และมีการเจรจากับลูกค้า ขณะที่เราทำเซรามิกซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นต้องใช้ไม่ใช่สินค้าสวยงาม ความที่ใกล้ชิดกับลูกค้าถ้าค่าเงินเปลี่ยนแปลงมากกว่า 20% เราก็เจรจากับลูกค้าได้"นายนิรันดร์ กล่าวทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ HPT คือ กลุ่มครอบครัวเชาว์กิตติโสภณ ถือหุ้น 367,680,000 หุ้นหรือคิดเป็น 91.920% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 71%