นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากโพลการลงประชามติของอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่คาดว่าชาวอังกฤษจะโหวตอยู่ต่อในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั้งตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์ ประกอบกับแรงซื้อดักการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (Window Dressing) ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ดังนั้น ประเมินว่า SET มีโอกาสจะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,440-1,450 จุด
อย่างไรก็ตามหากผลโหวต Brexit ให้ออกจาก EU คาดว่าจะมีแรงขายกดดันให้ดัชนีทรุดตัวลงไปที่บริเวณ 1,400 จุด โดยแนะนำซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มถ่านหิน เนื่องจากราคาถ่านหินทำนิวไฮในรอบ 1 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 56.2 เหรียญสหรัฐ/ตัน และสะสมหุ้นที่มีประวัติจ่ายปันผลครึ่งปีมี yield เด่น ได้แก่ INTUCH, ADVANC, KKP, TCAP, SCC, QH, LH, PS และ LPN
ด้านนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยสะท้อนปัจจัยบวกจากผลการจัดทำประชามติ Brexit โดยหนังสือพิมพ์เดอะ เทเลกราฟ ชี้ว่าฝ่ายสนับสนุนให้อังกฤษยังคงอยู่ใน EU ต่อมีคะแนน 53% ส่วนฝ่ายสนับสนุนให้แยกตัวออกจาก EU มีคะแนน 46% บวกกับราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูงราว 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
อีกทั้งการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)จะเปิดขายซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 7.6 หมื่นล้านบาท ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาท จะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ราวเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม และคาดจะเปิดประมูลราวไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ นอกจากนี้คาดว่าจะมีการทำ Window Dressing ไตรมาส 2/59 ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยลบจากการที่นักเศรษฐศาสตร์จากมอร์แกนสแตนลีย์ เตือนว่าเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยง เข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรง หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณปริมาณหนี้สูงขึ้น ปัญหาเงินฝืด ขณะที่อัตราผลตอบแทนลดลง ชี้สภาพโดยรวมคล้ายวิกฤติปี 2480 อีกทั้งเกิดความกังวลว่าระบบ “Prompt Pay" จะทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของกลุ่มธนาคารลดลงจึงมีแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารออกมา
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตา โดยวันที่ 22 มิถุนายนนี้กำหนดประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายเงิน (กนง.) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งตลาดคาดว่า กนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม 1.5% และวันที่ 23 มิถุนายน อังกฤษมีกำหนดจัดทำประชามติว่าจะ EU หรือไม่
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำพักตัวออกด้านข้างหลังปรับขึ้นมาแรงในช่วงก่อนหน้าหลังผลสำรวจจากหลายสำนักออกมาระบุว่าชาวอังกฤษที่สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไปมีมากกว่าผู้ที่สนับสนุนให้แยกตัวออกมาจาก EU ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับกรณี Brexit ก่อนที่การลงประชามติจะมีขึ้นในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำ
แต่ราคาทองคำปรับลงไม่มาก หลังประธานเฟดสาขาเซนต์ หลุยส์ ออกมาระบุเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้งเป็นเวลานานถึง 2 ปีครึ่ง บวกกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่าทางเฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 2 และไตรมาส 3
อย่างไรก็ตามการลงประชามติของอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป ยังคงเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำทั้งด้านบวกและลบขึ้นอยู่กับผลการลงประชามติที่ออกมา
ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค เริ่มพักตัวออกข้างหลังจบแนวขึ้น V-SHAPE แต่ยังมีแนวรับขาขึ้นเส้น 5 และ 10 วันรองรับอยู่ และค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ยังเป็นบวก ทำให้ราคาแนวโน้มพักตัวเพื่อปรับลดความร้อนแรงของขาขึ้นก่อนปรับขึ้นอีกครั้งตามแนวโน้มขึ้นเดิม โดยมีแนวรับ 1,250-1,255 เหรียญ/ทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,310-1,315 เหรียญ/ทรอยออนซ์