หุ้น ETE ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 7.40 บาท เพิ่มขึ้น 3.20 บาท (+76.19%) จากราคาขาย IPO ที่ 4.20 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,478.78 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 7.05 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 7.55 บาท และราคาลงต่ำสุด 7.05 บาท
นายไรวินท์ เลขวรนนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง (ETE) ผู้ให้บริการ บริหารจัดการบุคลากร และระบบงานธุรกิจในรูปแบบ Outsourcing บริการวิศวกรรมระบบไฟฟ้า และระบบโทรคมนาคม รวมถึงพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมนำเงินที่ได้จากการการระดมในครั้งนี้ จำนวนทั้งสิ้น 588 ล้านบาท ไปชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินราว 40% ของเงินที่ระดมทั้งหมด เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน โดยคาดหนี้สินต่อทุน (D/E) จะลดลงเหลือ 1 เท่า จากเดิมอยู่ที่ 3.9 เท่า ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ เพื่อขยายกิจการต่อไป
ทั้งนี้ หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในครั้งนี้ บริษัทฯคาดรายได้ปีนี้น่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น จากเดิมอยู่ราว 10% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิน่าเพิ่มขึ้นแต่คงจะอยู่ในระดับที่ไม่เกิน 10% จากปีก่อนอยู่ราว 3% เนื่องจากสามารถลดดอกเบี้ยจ่ายได้เกินกว่าครึ่ง จากเดิมมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยต่อปี 40 ล้านบาท รวมถึงธุรกิจพลังงานทดแทนที่สามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี คาดรายได้จากธุรกิจดังกล่าวจะอยู่ที่ 100-130 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 30 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต ทั้งงานบริการด้านวิศวกรรมระบบไฟฟ้า ระบบโทรคมนาคม และพลังงานทดแทน โดยมองสัดส่วนรายได้ในช่วง 3-5 ปี จากนี้ คาดว่างานบริการด้านวิศวกรรมระบบไฟฟ้า จะอยู่ราว 45% ,งานวิศวกรรมระบบโทรคมนาคมราว 45% และที่เหลือจะเป็นธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ จากปัจจุบันมีสัดส่วนงานบริการด้านวิศวกรรมระบบไฟฟ้า 50% และงานวิศวกรรมระบบโทรคมนาคม 50%
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้มีการขยายธุรกิจไปในกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ มีขนาดกำลังการผลิตรวม 16.47 เมกะวัตต์ โดยมองโอกาสต่อจากนี้ บริษัทฯก็อยู่ระหว่างเตรียมเข้ายื่นขอใบอนุญาตขายไฟฟ้า ซึ่งยังรอความชัดเจนจากหน่วยงานภาครัฐ ในการเปิดรับซื้อไฟฟ้า โครงการโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์รอบสอง คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนในวันที่ 17 ก.พ.นี้ ประกอบกับยังเตรียมเข้าประมูลงานพัฒนาระบบไฟฟ้าหัวเมืองใหญ่ 4 พื้นที่ คือ เชียงใหม่ นครราชสีมา พัทยา และหาดใหญ่ มูลค่าราว 11,668 ล้านบาท ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยบริษัทฯคาดว่าภาครัฐจะเปิดประมูลงานได้ในช่วงไตรมาส 3/60
อนึ่ง บมจ.บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง มีทุนจดทะเบียน 280 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 560 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 210 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ขณะที่ ETE ยังมีบริษัทย่อยอีก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท อีทีอี เมเนจเมนท์ จำกัด หรือ ETEM มีทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจบริการบริหารจัดการและธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 99.27% และบริษัท ไทยสปีดี้เมเนจเมนท์ จำกัด หรือ TSDM มีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการรถเช่าพร้อมพนักงงานขับรถ