TISCO บวก 1.37% โบรกฯเชียร์"ซื้อ"หลังกำไร Q2/60 เกินคาดจากตั้งสำรองต่ำ-ปรับเพิ่มประมาณการทั้งปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 12, 2017 11:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น TISCO ราคาขยับขึ้น 1.37% มาอยู่ที่ 74 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท มูลค่าซื้อขาย 245.83 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.55 น. โดยเปิดตลาดที่ 73.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 74.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 73.25 บาท

บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) รายงานกำไร Q2/60 ดีกว่าคาด 7.5% อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท เติบโต 25%YoY และ 1%QoQ เพราะการตั้งสำรองน้อยกว่าคาด และคาด Q3/60 กำไรจะเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ จากสำรองที่ลดลง และ NIM ที่ดีขึ้น กำไรครึ่งปีเป็น 50% ของประมาณการทั้งปีที่ 6 พันล้านบาท โดยคงประมาณการกำไร พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 78 บาท

ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"หุ้น TISCO ให้ราคาพื้นฐาน 82 บาท หลังรายงานกำไร Q2/60 เท่ากับ 1.5 พันล้านบาท (+25%YoY และ +1%QoQ) ดีกว่าตลาดคาด 5% แต่เป็นไปตามที่ DBSV ประมาณการไว้ โดยมีการตั้งสำรองฯลดลงเป็น 99bps จากที่คาด 125bps แต่ก็ชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงกว่าคาด กำไร H1/60 คิดเป็น 49% ของประมาณการกำไรทั้งปี 60 ของเรา

สินเชื่องวด Q2/60 หดตัว 2%QoQ โดยสินเชื่อรายย่อย (72% ของสินเชื่อรวมและ 84% ของสินเชื่อรายย่อยเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ) หดตัว 1.8%QoQ เฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อหดตัว 2.8%QoQ แม้ยอดขายรถยนต์ในประเทศจะเติบโต 12.4%YoY ในงวด 5 เดือนแรกของปี 60 แต่สินเชื่อเพื่อการบริโภค (16% ของสินเชื่อรายย่อย) โต 4.3%QoQ เพราะมีการเข้าซื้อกิจการ"สมหวัง" ด้านสินเชื่อ SME (6% ของสินเชื่อรวม ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นดีลเลอร์ขายรถยนต์) ลดลง 4.8%QoQ ส่วนสินเชื่อรายใหญ่ (22% ของสินเชื่อรวม) หดตัว 2%QoQ ด้าน NIM ทรงตัวที่ 4.1% ใน Q2/60

NPL ลดลงเล็กน้อย 0.4%QoQ แต่สินเชื่อที่หดตัว 2%QoQ ทำให้ NPL ratio ขยับขึ้นเป็น 2.41% ในสิ้น มิ.ย.60 จาก 2.37% ในสิ้น มี.ค.60 แต่ยังต่ำกว่า 2.54% ในสิ้นปี 59 ธนาคารตั้งสำรองลดลงใน 2Q60 แต่ด้วยชั้นหนี้ที่ดีขึ้นทำให้ Coverage ratio เพิ่มเป็น 172% ในสิ้น Q2/60 จาก 164% ในสิ้น Q1/60

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHS) ระบุในบทวิเคราะห์ ปรับประมาณการกำไร FY60-61F ของ TISCO เพิ่มขึ้นเล็กน้อย +5% / +2% เป็น 6.0 พันลบ. (+20%YoY) และ 6.4 พันลบ. (+7%YoY) โดยแม้จะปรับสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อ FY60 ลงจาก +16% เหลือ +14% เพื่อสะท้อนสินเชื่อ 1H60 ที่หดตัวกว่าคาด และการปรับเพิ่ม OPEX จากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานและระบบ IT ที่เร่งตัวขึ้น แต่ทั้งหมดถูกชดเชยได้จาก Credit cost ที่ต่ำลง ตามการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ ทั้งนี้ แรงหนุนการเติบโตในปีหน้าจะเกิดจากการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยเต็มปีของพอร์ตที่รับโอนจาก SCBT


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ