KTAM คาดกำไรบจ.ไทยปีหน้าโต 10% ดัน SET ขึ้นไป 1,770 จุด ระบุระยะสั้นพุ่งขึ้นจากเงินทุนตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 16, 2017 12:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า บริษัทมีมุมมองตลาดหุ้นไทยว่าบริษัทคาดการณ์การเติบโตในปีหน้าไว้ที่ 10% คิดเป็น EPS ราว 108 บาท/หุ้น คิดด้วย PE 16.5 เท่า จะได้ดัชนีราว 1,770 จุด ระยะสั้นราคาได้ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น ทำให้อาจมีแรงขายทำกำไรสร้างความผันผวนบ้าง แต่ในระยะยาวการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เม็ดเงินลงทุนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงแข็งแกร่ง และภาวะดอกเบี้ยต่ำ น่าจะช่วยผลักดันดัชนีให้เพิ่มสูงขึ้นได้

กลยุทธ์การลงทุนจะยังเน้นสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้นเป็นหลักและตราสารหนี้ระยะสั้น โดยคาดว่าดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น จากผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดพัฒนาแล้ว และตลาดเกิดใหม่ ที่เริ่มอยู่ในระดับสูงและจะทำจุดสูงสุดใหม่หากการเติบโตยังมีอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ สภาวะเศรษฐกิจของไทยเริ่มที่จะมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการปรับตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยขึ้นจาก 3.5% เป็น 3.8% รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจของโลกเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของตลาดพัฒนาแล้ว รวมถึงจีนเองเช่นเดียวกัน

นางชวินดา กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนมีมติจ่ายเงินปันผล 2 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทย ซีเล็คทีฟ อิควิตี้ ฟันด์ (KTSE) ครั้งที่ 3/2560 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 29 กันยายน 2560 และกองทุนเปิดกรุงไทย หุ้น ซีแอลเอ็มวีที ( KT-CLMVT Class D ) ครั้งที่ 1/2560 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2560 โดยทั้ง2กองทุนจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 ตุลาคม 2560

กองทุน KTSE เน้นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนแก่นักลงทุนอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะผ่านการจ่ายเงินปันผล หรือการเติบโตของเงินลงทุน ซึ่งในปีนี้ได้มีการจ่ายปันผลไปแล้วถึง 3 ครั้ง เป็นจำนวน 1.50 บาท หรือคิดเป็นประมาณ 10% ของมูลค่า NAV โดยกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหลักทรัพย์เป็นรายตัว โดยเฉพาะหลักทรัพย์ขนาดกลาง และเล็ก ที่มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูง และสามารถเติบโตในอนาคตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน ที่ธุรกิจได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรืออาจจะมีอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทที่สามารถปรับตัว ให้เข้ากับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ จะได้รับประโยชน์มากที่สุด

ส่วนกองทุน KT-CLMVT มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งประกอบไปด้วย ประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนามและไทย ที่มีการลงทุนหรือรายได้จากประเทศในกลุ่ม CLMV สำหรับผลตอบแทนในอนาคต กองทุนมีโอกาสในการสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เนื่องจากประเทศ CLMV เป็นกลุ่มประเทศชายขอบ หรือ Frontier Countries ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกอย่างมาก อีกทั้งเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด มีโครงสร้างประชากรในวัยแรงงานสูง และการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามการขยายตัวของชนชั้นกลางและสังคมเมือง

อย่างไรก็ดี การลงทุนในประเทศเหล่านี้ยังมีอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูล ดังนั้นบริษัทจึงได้จัดตั้งทีมงานเพื่อลงทุนในประเทศเหล่านี้โดยเฉพาะ ซึ่งประกอบไปด้วย ทีมผู้จัดการกองทุนและทีมนักวิเคราะห์ของบริษัท และมีการลงพื้นที่พบปะกับผู้บริหารอย่างสม่ำเสมอ โดยก่อนจัดตั้งกองทุนบริษัทได้ลงพื้นที่เพื่อทำการวิเคราะห์การลงทุนในตลาด CLMV เป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจต่อการลงทุน ทั้งยังติดตามภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ของบริษัทในตลาดอย่างต่อเนื่อง

ในเดือนที่ผ่านมาทีมผู้จัดการกองทุนได้ทำการลงพื้นที่ในเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่กองทุนให้ความสำคัญค่อนข้างมาก ปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 40 % ของ NAV ซึ่งจากการลงพื้นที่ดังกล่าว บริษัทยังคงเห็นว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดย GDP ปีนี้คาดว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 6.5% กองทุนนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนในระยะยาว ที่ต้องการลงทุนในประเทศเกิดใหม่เหล่านี้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญบริหารเงินลงทุนให้กับผู้ถือหน่วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ